ภาพ AFP
มีหลายเรื่องราวเกิดขึ้นหลังจบเกมดังกล่าว แต่หนึ่งในประเด็นที่ผู้คนพูดถึงกันเป็นวงกว้างก็คือ ฟอร์มการเล่นของนักเตะระดับโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ดูเหมือนฟอร์มจะตกลงไปมาก
เมสซี่ แจ้งเกิดกับทัพ "บาร์ซ่า" ตั้งแต่อายุ 19 ปี และโด่งดังเป็นพลุแตกในสมัยที่อยู่ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยการทำทีมสไตน์ "ติกี้-ตาก้า" ที่ทุกทีมต้องยอมสยบ แต่นั่นก็เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่ผู้เล่นคนหนึ่งจะรักษาฟอร์มให้อยู่ในระดับสูงได้ตลอดเวลา และเกมในวันเสาร์ ที่ผ่านมาดูเหมือน กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา จะเป็นคนละคนกับนักเตะที่พาทีมคว้ารองแชมป์โลก ที่ ประเทศบราซิล เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
ทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" กำลังอยู่ในการเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่ โดยเป็นช่วงท้ายของอาชีพการค้าแข้งของ 2 คู่หูตัวเก๋าอย่าง อันเดรส อิเนียสต้า และ ชาบี เอร์นานเดซ ที่ฟอร์มการเล่นก็โรยราไปตามอายุ และดูเหมือนยังไม่มีใครมาทำหน้าแทนที่ได้ แถมยังต้องมากังวลฟอร์มของ เมสซี่ ที่ช็อตไปดื้อ ๆ
ขณะเดียวกันการสร้างทีมใหม่ของ "ราชันชุดขาว" โดยให้สตาร์ทุกคนเล่นกันเป็นทีม บวกกับการระเบิดฟอร์มพลังม้าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พร้อมทั้งการประสานงานกันของผู้เล่นยุคใหม่อย่าง คาริม เบนเซม่า, ฮาเมส โรดริเกซ, โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช และ อิสโก้ จึงทำให้ บาร์เซโลน่า ต้องพบกับ 90 นาทีที่ยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม อนาคตของ บาร์เซโลน่า ใช่ว่าจะดูมืดมนไปเสียหมดเมื่อยังมีแนวรุกเลือดใหม่อย่าง เนย์มาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นความหวังของทีม แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ กุนซือไฟแรงอย่าง หลุยส์ เอ็นริเก้ จะทำอย่างไรในการประคับประคองฟอร์มการเล่นของ เมสซี่ และผู้เล่นตัวเก๋าภายในทีมให้คงเส้นคงวา และจะมีวิธีไหนที่ทำให้ บาร์เซโลน่า กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก independent.co.uk