ลำดับเหตุการณ์ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส บนเก้าอี้กุนซือ ลิเวอร์พูล

เพียงแค่ 8 เกม ในฤดูกาลที่ 4 ที่ทำหน้าที่ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ยุติเส้นทางของตัวเองที่ แอนฟิลด์ ลงแล้วเรียบร้อย หลังจาก โดนสโมสรปลดพ้นตำแหน่ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา

ร็อดเจอร์ส ขึ้นถึงจุดสูงสุดด้วยการพาทีมคว้ารองแชมป์ลีกในฤดูกาล 2013-14 แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถหาวิธีทำให้ ลิเวอร์พูล ยกระดับผลงานให้ดีกว่านั้นได้ ทั้ง ๆ ที่ใช้เงินซื้อนักเตะไปเกือบ 200 ล้านปอนด์ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา 

และนี่คือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาของ ร็อดเจอร์ส ที่ แอนฟิลด์

ลำดับเหตุการณ์ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ในฐานะผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล

มิถุนายน 2012 - ลิเวอร์พูลแต่งตั้งร็อดเจอร์ส เป็นผู้จัดการทีม : หลังการไปของ เคนนี่ ดัลกลิช ลิเวอร์พูล ประกาศให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดย ร็อดเจอร์ส มาพร้อมกับผลงานการนำ สวอนซี ซิตี้ เลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุด และจบด้วยอันดับ 11 ในฤดูกาลแรก

พฤษภาคม 2013 - ลิเวอร์พูลจบฤดูกาลด้วยอันดับ 7 ในพรีเมียร์ลีก : ฤดูกาลแรกที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล จบด้วยอันดับ 7 ในพรีเมียร์ลีก ทำได้ 61 แต้ม ซึ่งถือว่าดีขึ้นกว่าฤดูกาลก่อนหน้า 9 คะแนน

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ลิเวอร์พูล

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มา ลิเวอร์พูล ในฐานะผู้จัดการทีมสายเลือดใหม่ ที่จะนำทีมสู่ยุคใหม่

พฤษภาคม 2014 - ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลด้วยอันดับ 2 แบบที่เกือบจะคว้าแชมป์ : ลิเวอร์พูล ขึ้นแท่นยึดจ่าฝูงมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม และทำท่าว่ามีสิทธิ์จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้เป็นครั้งแรก ทว่าการพลาดท่าพ่ายต่อ เชลซี 0-2 พร้อมกับเหตุการณ์ลื่นล้มของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตามด้วยการเสมอกับ คริสตัล พาเลซ ทั้งที่ขึ้นนำก่อนถึง 3-0 และเหลือเวลาอีกแค่ 15 นาทีจะจบเกม ทำให้ทีมได้แค่รองแชมป์ มีคะแนนน้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ 2 แต้ม

มิถุนายน 2014 - หลุยส์ ซัวเรซ ถูกขายให้ บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ : ด้วยผลงานยิงกระจาย 31 ประตู พร้อมคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก กับ ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) นั่นทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่อาจจะขวางทาง ซัวเรซ ได้อีกต่อไป ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ย้ายไป บาร์ซ่า ด้วยค่าตัวสถิติสูงสุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ และนับตั้งแต่นั้น ร็อดเจอร์ส ก็ไม่เคยหาใครมาแทนที่ ซัวเรซ ได้อีกเลย

เริ่มต้นฤดูกาล 2014-15 - ลิเวอร์พูล แพ้ 6 จาก 12 เกมแรก : การไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ ส่งผลในทันที ลิเวอร์พูล แพ้ถึง 6 จาก 12 เกมแรกของฤดูกาล จมอยู่อันดับ 12 ในตาราง ทั้งที่ตลอดซีซั่นก่อนหน้านั้นแพ้ทั้งหมดแค่ 6 เกม และนั่นคือจุดเริ่มต้นความกดดันของ ร็อดเจอร์ส

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ลิเวอร์พูล

จุดเปลี่ยนสำคัญคือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไม่มี ความมหัศจรรย์ของ หลุยส์ ซัวเรซ เป็นตัวช่วยเหมือนที่เคย

เมษายน 2015 - ลิเวอร์พูล แพ้ แอสตัน วิลล่า ในรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ : หลังจากหมดลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปเรียบร้อย ถ้วย เอฟเอ คัพ จึงเป็นความหวังหนึ่งเดียวของ ร็อดเจอร์ส ที่จะนำทีมคว้าโทรฟี่ติดมือให้ได้ และการเจอกับ แอสตัน วิลล่า ที่ตลอดซีซั่นทำผลงานไม่ดีต้องหนีตกชั้น ก็ดูจะเป็นงานง่ายสำหรับ ลิเวอร์พูล แต่ผลการแข่งขันที่ออกมาปรากฏว่า หงส์แดง ดันพ่ายไป 1-2 และนั่นทำให้ ร็อดเจอร์ส กลายเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล คนแรกที่ไม่สามารถนำทีมคว้าถ้วยรางวัลได้ภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ ฟิล เทย์เลอร์ ในช่วงทศวรรษที่ 50

พฤษภาคม 2015 - ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลด้วยอันดับ 6 : ลิเวอร์พูล ปิดฤดูกาลด้วยฟอร์มสุดย่ำแย่ในช่วงท้าย แพ้ 5 จาก 9 เกมสุดท้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมปิดซีซั่นที่โดน สโต๊ค ถลุงหมดสภาพ 6-1 ทีมทำได้แค่ 62 แต้ม น้อยกว่าฤดูกาลก่อนถึง 22 คะแนน และพอไม่มี ซัวเรซ จำนวนประตูของทีมหายไปถึง 49 ลูก

ตุลาคม 2015 - ลิเวอร์พูล ประกาศปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส : หลังจบศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้กับ เอฟเวอร์ตัน ลิเวอร์พูล ก็ประกาศปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส จากตำแหน่งผู้จัดการทีม

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สตีเว่น เจอร์ราร์ด

เจอร์ราร์ด คงบอกกับ ร็อดเจอร์ส เกือบจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว พลาดไปนิดเดียว
 

เนื้อหาจาก nbcsports.com

ภาพ AFP

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลำดับเหตุการณ์ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส บนเก้าอี้กุนซือ ลิเวอร์พูล อัปเดตล่าสุด 6 ตุลาคม 2558 เวลา 09:28:48 15,312 อ่าน
TOP