"คาร่า" เจมี่ คาราเกอร์ ออกมาวิเคราะห์จุดอ่อนของเชลซีที่ส่งผลให้พวกเขาต้องพ่ายแพ้ต่อสเปอร์ส และสาเหตุที่เหล่าทีมมากมายต้องเสียท่าให้กับแท็กติกของ อันโตนิโอ คอนเต้ จากรายงานของ skysports.com เมื่อ 17 มกราคมที่ผ่านมา
เชลซี เพิ่งจะเอาชนะ เลสเตอร์ มาได้ แน่นอนว่าพวกเขายังคงเป็นจ่าฝูงอยู่เช่นเคย และมีแต้มนำอันดับ 2 อย่าง สเปอร์ส อยู่ถึง 7 คะแแนนเลยทีเดียว แม้ว่านี่จะเป็นฤดูกาลแรกของ อันโตนิโอ คอนเต้ ทว่าเขากลับสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างสุดยอดเลยทีเดียวกับแผนการเล่น 3-4-3 ซึ่งเป็นแผนการเล่นที่แทบจะไม่มีใช้กันในฟุตบอลอังกฤษ
ซึ่งด้วยเหตุผลนี้อาจจะทำให้เหล่าสโมสรต่าง ๆ ไม่รู้ว่าจะปรับแผนยังไงเมื่อเจอกับเชลซี และสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไป ทว่า สเปอร์ส กลับสามารถหยุดสถิติชนะรวดของ เชลซี ลงได้ ในเกมก่อนหน้านี้ โดยทาง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก็ได้ออกมาวิเคราะห์ในเรื่องนี้ว่า
.jpg)
อันโตนิโอ คอนเต้ ทำให้ เชลซี กลับมามีลุ้นแชมป์อีกครั้ง
"แผนการเล่นของเชลซีเป็นแผนการเล่นที่แยบยลมาก พวกเขาจะใช้ความสามารถที่มีของนักเตะแต่ละคนลงเล่นในแต่ละตำแหน่งได้อย่างลงตัว พวกเขามีตัวที่เปิดบอลดี ๆ หลายคน แลละแผนการเล่นแบบโต้กลับของพวกเขาจะทำได้ดีมาก และพื้นที่่ว่างของแผนการเล่นนี้แทบจะไม่มีเลยล่ะ แน่นอนว่ามันได้เปรียบมากเลยทีเดียว" อดีตปราการหลังหงส์แดง เผย
"หลาย ๆ ทีมพยายามเปลี่ยนแนวทางการเล่นของตัวเองเพื่อจัดการกับเชลซี แล้วเป็นไงล่ะสุดท้านเสร็จกันหมด นั่นเป็นเพราะว่าระบบของ อันโตนิโอ คอนเต้ นั้นมันเฉียบแหลมมาก วิงแบ็คของพวกเขาทำงานกันหนักมากทั้งรุก และรับ รวมไปถึงแผงกองกลางที่มีความสามารถในการตัดเกมได้ดี และส่งต่อบอลไปยังพื้นที่ ๆ ถูกบีบเข้ามาให้แคบลงยามเสียบอล"
"แต่ว่าสเปอร์สคือทีมที่จัดการกับพวกนั้นได้ เพราะว่าสเปอร์สเอาผู้เล่นของพวกเขาไปปิดช่องว่างที่เชลซีคอยขยายเอาไว้ได้ คุนจะเห็นว่าพอแบ็คของสเปอร์สเติมสูงจะมีพื้นที่ว่างขึ้นมากเลยทีเดียว และนั้นคือจุดที่ คริสเตียน อีริคเซ่น ไปอยู่ตรงนั้น และหาพื้นที่เปิดบอลเข้าไปกดดัน จนได้สองประตูจากการเล่นแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ"
.jpg)
เชลซีชนะต่อเนื่องมา 13 นัด แต่ก็มาถูก สเปอร์ส ปราบลงอย่างราบคาบ
"อีกอย่างที่สำคัญมากคือพอเชลซีถอยลงไปรับจากกองกลางที่มี 4 คนก็จะเหลือเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และบอลจะผ่านไปได้ง่ายมากนี่คือปัญหาใหญ่ของเชลซีเลยล่ะ และหากคู่ต่อสู้จัดการกับตรงนี้ได้พอดี พวกเขาก็จะสู้กับเชลซีได้แบบไม่ยาก"
ภาพข่าว : AFP
