ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ หลังผ่านช่วง 10 นัดแรกไปแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นแฟนทีมไหนเชียร์ทีมอะไร ก็คงต้องยอมรับแต่โดยดีว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาดีเหลือเกิน
จากที่ผิดหวังกับฤดูกาลที่แล้ว ซีซั่นนี้ "เรือใบสีฟ้า" ทำผลงานสุดยอดด้วยเกมรุกที่ดุดันเร้าใจ ไม่ว่าคู่แข่งจะเป็นใคร พวกเขาก็สามารถเดินหน้าล่าประตู จนดูเหมือนว่าใน พรีเมียร์ลีก ตอนนี้คงไม่มีคู่แข่งทีมไหนมาหยุดพวกเขาได้ หรือบางทีอาจจะรวมไปถึงในเวทียุโรปด้วยซ้ำ
หลังจากเกมล่าสุดที่โชว์ความเหนือชั้นเอาชนะ อาร์เซน่อล ไป 3-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2560 ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ทำสถิติชนะรวดในเกมลีกเป็นนัดที่ 9 ติดต่อกัน และรวมทุกรายการเป็นการชนะติดต่อกัน 15 นัดเข้าไปแล้ว
.jpg)
เควิน เดอ บรอยน์ กลายเป็นขุนพลคู่ใจของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
หนึ่งในผู้เล่นของ แมนฯ ซิตี้ ที่ได้รับคำชมเป็นอย่างมากในฤดูกาลนี้ เพราะถือว่ามีส่วนสำคัญกับเกมรุกอันหลากหลาย แม่นยำ และทรงประสิทธิภาพของทีม ก็คือ เควิน เดอ บรอยน์
เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติเบลเยียม เผยถึงแนวคิดวิธีการเล่นซึ่งเกิดขึ้นมาจากการทำงานของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก่อนจะถ่ายทอดมาเป็นหน้าที่ของผู้เล่นแต่ละคนเวลาอยู่ในสนาม - "เขาเกลียดคำว่า "ครองบอล" แบบที่คุณเอาแต่เล่นในแดนหลังแล้วก็ส่งคืนผู้รักษาประตู"
"แนวคิดในการเล่นพาสซิ่งเกมคือ ผมกับ ดาบิด ซิลบา ต้องไปอยู่ในตำแหน่งที่สามารถจะสร้างเกมรุกได้ จากนั้นเราก็บุกขึ้นหน้า แล้วก็ต้องแม่นยำ เป๊ป ไม่ชอบเวลาที่คุณเอาแต่ผ่านบอลกันไปมาเรื่อย ๆ แล้วสุดท้ายการขึ้นบอลมันก็ตันทำอะไรไม่ได้ ที่จริงมันมีอะไรมากกว่านั้น"
.jpg)
ในเกมกับ อาร์เซน่อล เมื่อ เดอ บรอยน์ ได้บอลในพื้นที่เกมรุก เพื่อนร่วมทีมคนอื่นพร้อมที่จะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่จะสร้างโอกาสให้ทีม
"ทุกคนต้องพร้อมและอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเปิดช่องให้ทีมบุกได้ เราต้องการผ่านบอลขึ้นหน้าให้มากที่สุด และการส่งบอลย้อนกลับมามันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมันจะทำให้ทีมเล่นเกมรุกได้ง่ายขึ้น เพราะแผงกองกลางจะได้สลับตำแหน่งกัน" เดอ บรอยน์ กล่าว
ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ ลงสนามไปแล้วรวมทุกรายการ 17 นัด ยิงคู่แข่งไปแล้วถึง 52 ประตูด้วยกัน
ภาพ AFP
