โหมโรงก่อนศึกบิ๊กแมตช์ พรีเมียร์ลีก ที่ เชลซี เตรียมเปิดรัง "สแตมฟอร์ด บริดจ์" รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2561
พาย้อนกลับไปรำลึกความหลัง 5 แมตช์แห่งความทรงจำระหว่าง สิงโตน้ำเงินคราม กับ ปีศาจแดง ในอดีตมาแฟนบอลได้อุ่นเครื่องกัน :
แมนยู 3-3 เชลซี (ฤดูกาล 2011-12)
ในตอนนั้น แมนยู ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่กำลังต่อสู้เพื่อแย่งแชมป์ลีกกับ แมนซิตี้ ต้องบุกไปเยือน เชลซี ภายใต้การคุมทัพของ อังเดร วิลลาส โบอาส ซึ่งเกมนี้เจ้าถิ่นเริ่มต้นได้อย่างร้อนแรง ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เล่นงาน ปาทริซ เอวร่า เข้าไปทำประตูขึ้นนำ ก่อนที่ ฆวน มาต้า จะมาซัดเต็มข้อเป็นลูกที่สอง และ ดาวิด ลุยซ์ ก็มาโขกประตูนำห่าง 3-0
แต่ทว่า แมนยู ไม่ยอมง่าย ๆ ได้สองประตูจากการสังหารจุดโทษของ เวย์น รูนี่ย์ ไล่ตามาเป็น 2-3 ซึ่งเกมทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของ "สิงห์บลูส์" แต่แล้ว ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เอร์นานเดซ ก็มาโขกประตูตีเสมอช่วยให้ทีมเยือนรอดพ้นความพ่ายแพ้ไปได้แบบสุดมัน
เชลซี 1-0 แมนยู (ฤดูกาล 2014-15)
หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่คนใหม่ แมนยู มีภาระกิจพาทีมกลับสู่ท็อปโพร์อีกครั้ง งานนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกอย่าง เชลซี ของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ "ปีศาจแดง" เล่นได้อย่างคึกคัก และมีจังหวะได้ลุ้นจาก เวย์น รูนี่ย์ ส่วนทาง "สิงโตน้ำเงินคราม" ก็มาในสไตล์รับให้แน่นแล้วค่อยโต้กลับตามแบบฉบับของ "น้ามู"
ซึ่งงานนี้ถือว่าแผนของ มูรินโญ่ ใช้ได้ผลเมื่อ แมนยู มาโดนทีเด็ดจากจังหวะตัดบอลได้กลางสนามของเจ้าถิ่น โดยมีการต่อบอลกันไม่กี่ครั้งก่อนที่ เอแด็น อาซาร์ จะหลุดเข้าไปยิงลอดขา ดาบิด ดา เคอา เป็นประตูชัยของ "สิงห์บลูส์"
เชลซี 2-3 (ฤดูกาล 2012-13)
โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ รับหน้าที่เป็นกุนซือ เชลซี พบกับ แมนยู ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกมนี้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ระเบิดฟอร์มกดไปสองประตูช่วยให้ทีมเยือนบุกมานำถึง 2-0 แต่เจ้าถิ่นก็แสดงพลังฮึดไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จจากฟรีคิกสุดสวยของ ฆวน มาต้า และลูกโขกของ รามิเรส
แต่ทว่าสถานการณ์ของ เชลซี กลับเลวร้ายลง และต้องเหลือผู้เล่นเพียง 9 คน เมื่อ บรานิสลาฟ อิวานโนวิช และ เฟร์นานโด ตอร์เรส มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม สุดท้ายเป็นทาง ฮาเวียร์ ชิชาริโต้ เอร์นานเดซ เจ้าเดิมที่ยิงประตูชัยช่วยให้ "ปีศาจแดง" กำชัยเหนือ "สิงโตน้ำเงินคราม"
เชลซี 4-0 แมนยู (ฤดูกาล 2016-17)
นี่เป็นหนึ่งในชัยชนะที่สวยสดงดงามของ เชลซี ที่มีต่อ แมนยู โดยเกมนี้ เปโดร ยิงประตูขึ้นนำให้กับเจ้าบ้านตั้งแต่ 30 วินาทีแรกของเกม ก่อนที่ แกรี่ เคฮิลล์ จะมาบวกเพิ่มอีกหนึ่งตุงให้ทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ นำห่างในครึ่งแรกถึง 2-0
ในครึ่งหลังสถานการณ์ของทีมเยือนก็แย่ลงไปอีก เมื่อพวกเขามาโดนเพิ่มอีกสองลูกจาก เอแด็น อาซาร์ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ สุดท้าย เชลซี ก็เป็นฝ่ายกำชัยไปแบบสวยงาม 4-0 ซึ่งอาการดีใจแบบสุดขีดของ คอนเต้ ทำเอา โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่พอใจ และเข้าไปต่อว่าหลังจบเกม กลายเป็นประเด็นร้อนในตอนนั้นไปเลย
แมนยู 1-1 เชลซี (ดวลจุดโทษ 6-5, ฤดูกาล 2007-08)
เกมชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดประวัติศาสตร์ระหว่างสองทีมจากอังกฤษ แมนยู กับ เชลซี โดยเกมนี้ "ปีศาจแดง" ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ก่อนหมดครึ่งแรก "สิงโตน้ำเงินคราม" ก็มาตามตีเสมอได้สำเร็จจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด จนกระทั่งจบเกม และยื้อไปถึงการต่อเวลาพิเศษ สุดท้ายจึงต้องไปตัดสินกันที่การดวลจุดโทษ
แมนยู เริ่มได้ไม่ดีเมื่อ โรนัลโด้ ยิงไปติดเซฟของ ปีเตอร์ เช็ก ขณะที่คนอื่น ๆ ของทั้งสองทีมยิงเข้าทั้งหมด ต้องมาตัดสินกันที่คนสุดท้ายก็คือ จอห์น เทอร์รี่ ซึ่งถ้ายิงเข้าก็จะส่ง เชลซี เป็นแชมป์ทันที ทว่ากลายเป็นฝันร้ายของ "เจที" เมื่อเขาดันลื่นล้มก่อนยิงหลุดกรอบออกไป ก่อนที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ซาร์ จะเซฟลูกยิงของ นิโคลัส อเนลก้า ส่งให้ แมนยู คว้าแชมป์ไปได้แบบสุดดราม่า
ข้อมูลจาก foxsportsasia.com
ภาพจาก AFP
คลิปจาก Manchester United, Football All, Football Highlights & Goals Today, Fencelization สมาชิก youtube.com