พรีเมียร์ลีก รีสตาร์ต : 5 แมตช์สำคัญที่คุณไม่ควรพลาด

        โปรแกรมบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาระเบิดแข้งกันอีกครั้ง หลังหยุดไปเพราะการระบาดของ โควิด-19 โดยจะเริ่มเตะ 2 เกมแรก ในวันพุธที่ 17 มิถุนายน แอสตัน วิลล่า พบ เชฟฯ ยูไนเต็ด และ บิ๊กแมตช์ แมนซิตี้ พบ อาร์เซนอล

        ซึ่งสถานการณ์ใน ตารางบอล ของลีกสูงสุดของอังกฤษในปัจจุบันนั้นกำลังเข้มข้นสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลุ้นแชมป์ที่จ่าฝูง ลิเวอร์พูล กำลังเข้าใกล้บัลลังก์สุด ๆ ขณะที่การแย่งพื้นที่ฟุตบอลยุโรปของหลาย ๆ ทีมก็ถือว่าสูสีกันมาก รวมถึงโซนหนีตกชั้นก็ดุเดือดไม่แพ้กัน

        และก่อนที่ศึก พรีเมียร์ลีก จะรีสตาร์ตกลับมาแข่งขันช่วงที่เหลืออีก 92 เกม เราได้รวบรวม 5 แมตช์สุดสำคัญที่คอบอลไม่ควรพลาดมาให้ชมกัน

        1. ลิเวอร์พูล v คริสตัล พาเลซ

        วันพุธที่ 24 มิถุนายน

        ลิเวอร์พูล ขอแค่เพียงเก็บชัยชนะให้ได้ 2 จาก 9 นัดที่เหลือ พวกเขาก็จะสิ้นสุดการรอคอย 30 ปีในการคว้าแชมป์ลีก ซึ่งหาก แมนซิตี้ สามารถเอาชนะ อาร์เซนอล ไปได้ และถ้าทีม หงส์แดง ไม่พลาดกำชัยเหนือ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ 21 มิถุนายน พวกเขาก็มีโอกาสเถลิงแชมป์ในเกมกับ คริสตัล พาเลซ

        แต่แชมป์ของ ลิเวอร์พูล อาจมาเร็วกว่าที่คิดถ้าหาก เรือใบสีฟ้า พลาดท่าทำแต้มหลุดมือในช่วง 2 เกมนี้ อย่างไรก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นง่าย ๆ ดังนั้นเกมกับ พาเลซ ก็จะเป็นแมตช์ที่แฟนบอล หงส์แดง รวมถึงแฟนลูกหนังทั่วโลกไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

 

        2. เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด v วูล์ฟแฮมป์ตัน

        วันพุธที่ 8 กรกฎาคม

        นี่ถือเป็นมวยที่ถูกคู่สุด ๆ เมื่อทีมจอมล้มยักษ์อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน มีคะแนนเท่ากันที่ 43 แต้ม ซึ่งพวกเขาตามหลังพื้นที่ยุโรปอยู่เพียง 2 แต้มเท่านั้น

        การลงโทษแบนห้ามเล่นบอลยุโรปเป็นเวลา 2 ปีของ แมนซิตี้ ยังคงไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง งานนี้ทำให้ผู้ชนะในเกมนี้มีสิทธิ์ฝันถึงขั้นได้ไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลยทีเดียว ขณะที่ผู้แพ้จะต้องเสียวสันหลังเมื่อทีมที่ไล่ตามพวกเขาอยู่คือ สเปอร์ส และ อาร์เซนอล

        3. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ v อาร์เซนอล

        วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม

        ที่แฟนบอลไม่ควรพลาดอย่างแรกก็คือ นี่เป็นศึกลอนดอนดาร์บี้ แต่ที่ทำให้มันเข้มข้นขึ้นไปอีกก็คือ การแย่งตั๋วฟุตบอลยุโรป เมื่อ สเปอร์ส รั้งอันดับ 8 มีคะแนนเหนือ อาร์เซนอล อันดับ 9 อยู่เพียง 1 แต้ม

        ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นทีมใหญ่ แถมทั้งสองทีมกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเหมือนกันอีกด้วย โดย อาร์เซนอล ฝากความหวังไว้กับกุนซือคนใหม่อย่าง มิเกล อาร์เตต้า ส่วนทาง สเปอร์ส ก็หวังพึ่งความเก๋าของ โชเซ่ มูรินโญ่ ชัยชนะในเกมนี้จึงมีความหมายสุด ๆ สำหรับทั้งสองทีม

 

        4. เลสเตอร์ ซิตี้ v แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

        วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม

        เกมสุดท้ายของฤดูกาล คือการเปิดไพ่ดูว่าทีมไหนจะคว้าตั๋วไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ซึ่งสถานการณ์การถูกแบนของ แมนซิตี้ ทำให้อันดับ 5 จะได้สิทธิ์ไปเล่นในฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป

        ผลงานอันยอดเยี่ยมในฤดกาลนี้ทำให้ เลสเตอร์ ครองอันดับ 3 แบบชิล ๆ แต่ทว่าในช่วงโค้งสุดท้ายพวกเขาต้องเจอกับโปรแกรมสุดโหดด้วยการเล่นกับ เชลซี อันดับ 4 รวมถึงต้องเจอทีมอย่าง อาร์เซนอล กับ สเปอร์ส และปิดท้ายด้วย แมนยู ในนัดปิดฤดูกาล

        ขณะที่ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ได้เปรียบไม่น้อย เมื่อพวกเขาได้เล่นกับทีมที่อยู่ในครึ่งล่างของตาราง 7 จาก 9 นัดสุดท้าย อย่างไรก็ตามการที่ แมนยู มีระยะห่างกับ เดอะ ฟ็อกซ์ อยู่ถึง 8 แต้ม รวมถึงยังมีอีกหลายทีมที่ต้องการคว้าตั๋วใบนี้ งานนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ ปีศาจแดง

 

        5. เวสต์แฮม ยูไนเต็ด v แอสตัน วิลล่า

        วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม

        แมตช์ปิดฤดูกาลอาจเป็นเกมชี้ชะตาการอยู่รอดของบรรดาทีมที่ลุ้นหนีตกชั้น โดย เวสต์แฮม, วัตฟอร์ด และ  บอร์นมัธ มีคะแนนเท่ากันที่ 27 แต้ม ห่างจากรองบ๊วยอย่าง แอสตัน วิลล่า อยู่เพียง 2 แต้ม

        ซึ่งการโคจรมาพบกันระหว่าง เวสต์แฮม กับ วิลล่า ในเกมสุดท้ายอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเมื่อถึงเวลานั้นใครจะไปรู้ว่าสถานการณ์อาจจะนำพาให้ทั้งคู่ต้องมาตัดสินกันในนัดสุดท้ายของซีซั่นก็เป็นได้

ข้อมูลจาก fourfourtwo.com

ภาพจาก AFP

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พรีเมียร์ลีก รีสตาร์ต : 5 แมตช์สำคัญที่คุณไม่ควรพลาด อัปเดตล่าสุด 25 มิถุนายน 2563 เวลา 11:00:52 8,027 อ่าน
TOP