ไทยชวดคว้าเหรียญทองแดงประวัติศาสตร์
การแข่งขันฟุตบอลเอเชียนเกมส์ นัดชิงที่ 3 ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติอิรัก โดยในเกมนี้ ทัพช้างศึกมีการปรับเปลี่ยนทัพเล็กน้อยด้วยการส่ง ปกเกล้า อนันต์ เป็นตัวจริงแทนที่ สารัช อยู่เย็น เช่นเดียวกับ ชิติพัทธ์ แทนกลาง ที่ลงมาเล่นแทน อดิศร พรหมรักษ์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ อิรัก ยังคงมี ยูนิส มาห์มูด ดาวยิงจอมเก๋า ลงเป็นตัวหลัก
การแข่งขันในช่วง 10 นาทีแรก เป็นทาง ไทย ที่มีโอกาสบุกขึ้นไปทำประตูได้มากกว่า ทว่ายังไม่เฉียบขาดพอ ส่วนทาง อิรัก ก็มีจังหวะที่จะได้ประตูจากความผิดพลาดของกองหลังไทยที่ปล่อยบอลเลยไปถึง ยูนิส มาห์มูด ในกรอบเขตโทษ แต่ กองหน้าจอมเก๋า กลับยิงบอลถากเสาออกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ส่งผลให้หมดเวลาการแข่งขันในครึ่งแรก ไทย ยังเสมอกับ อิรัก 0-0
เข้าสู่เกมในครึ่งเวลาหลัง น.62 อิรัก มาได้ลูกคอร์เนอร์ทางฝั่งซ้ายของสนาม บอลเปิดโค้งมาบริเวณจุดโทษ และเป็นทางด้าน ยูนิส มาห์มูด ที่ขึ้นโขกคนเดียวเหน่ง ๆ บอลพุ่งตุงตาข่าย อิรัก ขึ้นนำ ไทย 1-0
น.78 ทีมชาติไทย เกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะยิงไกล 25 หลาของ ชาริล ชัปปุยส์ บอลพุ่งแรงเกือบเสียบเสาสอง ทว่านายทวารทีมชาติอิรักตะปบไว้ได้ทัน
จากนั้นแม้ทีมชาติไทยจะพยายามบุกมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรแนวรับของ อิรัก ได้ หมดเวลาการแข่งขัน อีรัก เอาชนะ ไทย 1-0 คว้าอันดับ 3 ไปครอง ส่วน ไทย ยังไม่สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญจากการแข่งขันฟุตบอลมาครองได้