วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
19 ม.ค. 68 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | อิปสวิช | 0 - 6 | แมนฯ ซิตี้ |
15 ม.ค. 68 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | เบรนท์ฟอร์ด | 2 - 2 | แมนฯ ซิตี้ |
12 ม.ค. 68 | เอฟเอ คัพ | แมนฯ ซิตี้ | 8 - 0 | ซัลฟอร์ด |
4 ม.ค. 68 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | แมนฯ ซิตี้ | 4 - 1 | เวสต์แฮม |
29 ธ.ค. 67 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | เลสเตอร์ | 0 - 2 | แมนฯ ซิตี้ |
วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
22 ม.ค. 68 | ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก | ลิเวอร์พูล | 2 - 1 | ลีลล์ |
18 ม.ค. 68 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | เบรนท์ฟอร์ด | 0 - 2 | ลิเวอร์พูล |
15 ม.ค. 68 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ | 1 - 1 | ลิเวอร์พูล |
11 ม.ค. 68 | เอฟเอ คัพ | ลิเวอร์พูล | 4 - 0 | แอ็คคริงตัน |
9 ม.ค. 68 | คาราบาว คัพ | สเปอร์ส | 1 - 0 | ลิเวอร์พูล |
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : แมนฯ ซิตี้ 5-0 ลิเวอร์พูล
แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ถล่ม ลิเวอร์พูล ที่เหลือผู้เล่น 10 คนไปแบบไม่ไว้หน้า 5-0 ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงชั่วคราว
ในช่วงต้นเกมเป็น ลิเวอร์พูล ที่ทำเกมได้ดีกว่า แต่ทว่าเป็น แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 น.24 เควิน เดอ บรอยน์ ได้บอลจากกลางสนามแทงทะลุช่องให้ กุน อเกวโร่ หลุดเดี่ยวแตะบอลหลบ ซิมง มิโญเล่ต์ ก่อนจะยิงเข้าไปง่าย ๆ
จุดเปลี่ยนของเกมเกิดขึ้น น.37 ทีมเยือนต้องมาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนจากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ ไปยกเท้าสูงใส่ เอเดอร์สัน ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที จากนั้นเป็นเจ้าบ้านมาได้ประตูทิ้งห่าง 2-0 น.45 จากลูกโขกของ กาเบรียล เฆซุส
ในช่วงครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ มาบวกเพิ่มอีก 3 ประตูจาก เฆซุส น.53 โดยเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวอีกด้วย และประตูปิดท้าย 2 ประตูของ เลรอย ซาเน่ น.77 และ น.90 ชัยชนะในเกมนี้ส่งให้ เรือใบสีฟ้า เก็บ 3 คะแนนสำคัญเพิ่มเป็น 10 แต้มจาก 4 นัด ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงชั่วคราวก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะลงเล่นคู่ดึกเวลา 23.30 น.
แมนซิตี้ เกมนี้จะไม่มี ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ติดโทษแบน ขณะที่ อิลคาย กุนโดกัน กับ แวงซ็อง กองปานี ยังต้องรอทดสอบความฟิต ข่าวดีคือจะได้ ไคล์ วอล์คเกอร์ พ้นโทษแบนกลับมาลงสนาม แนวรับ จอห์น สโตนส์ จะลงจับคู่กับ นิโคลัส โอตาเมนดี้ กองกลางน่าจะวาง แฟร์นานดินโญ่, เควิน เดอ บรอยน์ และ ดาบิด ซิลบา ลงสร้างสรรค์ ขณะที่คู่กองหน้าเป็น กาเบรียล เชซุส กับ กุน อเกวโร่
ลิเวอร์พูล เกมนี้จะไม่มี อดัม บ็อกดาน, แดนนี อิงค์, อดัม ลัลลานา และเนธาเนียล ไคลน์ ที่ยังบาดเจ็บ ส่่วน ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กับ อเล็กซ์ อ็อกเลด-แชมเบอร์เลน น่าจะยังไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ กองหลังใช้ เดยัน ลอฟเรน จับคู่กับ โจเอล มาติป เหมือนเดิม แดนกลางใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงคุมร่วมกับ เอมเร่ ชาน และ จีนี่ ไวจ์นัลดุม แนวรุกยังเป็นสามประสาน ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน
ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับ 4 ห้านัดหลัง ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 ล่าสุดไปเหลือ 10 คน ก็ยังชนะ บอร์นมัธ ฟาก ลิเวอร์พูล รองจ่าฝูง 5 นัดหลัง ชนะ 4 เสมอ 1 ล่าสุดเปิดบ้านไล่ถล่ม อาร์เซน่อล กับบิ๊กแมตช์วันเสาร์ เรือใบสีฟ้า ยังแล่นได้ดีต่อไป ต้อนรับ หงส์แดง มาด้วยความร้อนแรง ชนะสี่เกมติดต่อกันทุกรายการ คู่นี้ยังมีเกมแชมเปี้ยนลีก รออยู่กลางสัปดาห์ แต่คงใส่เต็มที่กับเกมนี้ก่อน สถิติที่พบกันห้าครั้งล่าสุด ลูกคล็อปป์ ทำได้ดีกว่าเยอะเลย ชนะได้ถึง 3 และเสมอ 2 นัดนี้ทีมของเป๊ป ดันมาขาดกองกลางตัวหลักไป คงส่งผลกระทบต่อแนวรุก ผู้มาเยือนดูจะพร้อมทุกตำแหน่ง จะมาเปิดเกมสู้ได้สนุกไม่เป็