พรีเมียร์ลีก อังกฤษ : เวสต์บรอมวิช - เชลซี

แชมป์เก่า เชลซี ลงเล่นด้วยความกดดันพอสมควรเพราะในนัดที่ 3 ของฤดูกาลหากยังเก็บชัยชนะไม่ได้ สถานการณ์ไม่ดีแน่ เกมนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ส่ง เปโดร ปีกตัวใหม่ลงเป็นตัวจริง ส่วนเจ้าบ้านไม่มีดาวยิงตัวสำคัญ ไซโด้ เบราฮิโน่ ซึ่งก็น่าจะเตรียมย้ายไปเล่นกับ สเปอร์ส

เกมเริ่มมาได้แค่ 12 นาที เชลซี มีปัญหาซะแล้ว เมื่อเสียลูกจุดโทษจากจังหวะที่ เนมานย่า มาติช ปะทะกับ คัลลั่ม แม็คมานามาน แต่เป็น ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ที่สวมบทอีโร่ เซฟลูกยิงของ เจมส์ มอร์ริสัน ไว้ได้ สกอร์ยังคง 0-0

พอรอดการเสียประตู กลายเป็น เชลซี ที่ขึ้นนำ 1-0 จากประตูของ เปโดร ที่ไปแฉลบกองหลังของ เวสต์บรอมฯ เข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูแรกของดาวยิงทีมชาติสเปนในสีเสื้อ "สิงห์บลูส์" ซึ่งใช้เวลาแค่ 20 นาที

ผ่านครึ่งชั่วโมง เชลซี ก็มาได้ประตูที่สอง และเป็น เปโดร ที่เปิดบอลจากด้านข้างให้ ดีเอโก้ คอสต้า ซัดเข้าไปไม่เหลือ สกอร์ขยับเป็น 2-0

อย่างไรก็ตาม 5 นาทีต่อมา เวสต์บรอมฯ ก็มาไล่ตีตื้นมาเป็น 1-2 จาก เจมส์ มอร์ริสัน เจ้าบ้านแสดงให้เห็นว่าเกมนี้ยังไม่จบง่าย ๆ

ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก นาที 42 เชลซี หนีห่างเป็น 3-1 อีกครั้ง จากประตูโดย เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ทั้ง 3 ลูกของ "สิงห์บลูส์" มาจากแข้งทีมชาติสเปน 3 คนช่วยกันยิง

ครึ่งหลังกลับมาเตะได้ 9 นาที จุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งก็เกิดขึ้น เมื่อ จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีม เชลซี โดนใบแดงไล่ออกจากการทำโปรเฟสชันนอลฟาวล์ใส่ โซโลมอน รอนดอน เป็นการโดนไล่ออกในเกมลีกครั้งแรกในรอบ 5 ปีของ เทอร์รี่

นาที 59 เวสต์บรอมฯ ที่มีตัวมากกว่าก็มาได้ประตูไล่เป็น 3-2 เจมส์ มอร์ริสัน เจ้าเก่า โขกลูกเปิดของ แม็คมานามาน เข้าไป

หลังจากนั้น เชลซี ที่เหลือ 10 คนก็ปรับมาเล่นเกมรับเต็มตัว ตามสไตล์ของ โชเซ่ มูรินโญ่ แม้จะมีเวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เจ้าบ้านก็ไม่สามารถเจาะประตูเพิ่มได้ จบเกม เชลซี บุกเอาชนะ 3-2