ชื่อของ โชเซ่ เซเมโด้ ในแวดวงลูกหนัง คงไม่ใคร่จะเป็นที่รู้จักกันมากนัก เขาคนนี้เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกสวัย 30 ปี และความจริง เขาคือหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สุดยอดดาวเตะของ เรอัล มาดริด
ปัจจุบัน เซเมโด้ เล่นอยู่กับ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ในลีก แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน กองกลางเลือดฝอยทองคนนี้คือหนึ่งในกลุ่มดาวรุ่งของทีมเยาวชน สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่พัฒนาฝีเท้าฉายแววขึ้นมาพร้อมกันกับ โรนัลโด้ การติดทีมเยาวชนของโปรตุเกสมาแล้วทุกชุดตั้งแต่ ยู-17 ถึง ยู-21 คงแสดงให้เห็นได้ว่าฝีไม้ลายมือพอตัว แม้ถึงวันนี้ เส้นทางของ เซเมโด้ กับ โรนัลโด้ จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
โรนัลโด้ สามารถก้าวผ่านการเป็นสุดยอดดาวรุ่งและก้าวมาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของโลกในยุคนี้ ในขณะที่เพื่อนอีกคนหนึ่ง เส้นทางของเขาไม่ได้เป็นเหมือนฝัน เซเมโด้ ไม่สามารถผลักดันตัวเองขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ สปอร์ติ้ง ได้ และต้องระหกระเหเร่ร่อนค้าแข้งกับทีมต่าง ๆ ก่อนจะได้มาปักหลักอยู่ในอังกฤษกับ ชาร์ลตัน แอธเลติก เมื่อปี 2007 และกับ เชฟฯ เว้นส์เดย์ จากปี 2011 ถึงปัจจุบัน
ถือได้ว่าอย่างน้อยก็ยังสามารถหาเลี้ยงตัวเองด้วยการเล่นฟุตบอลได้แบบไม่ลำบากอะไร แต่ เซเมโด้ เปิดเผยความจริงว่าหากไม่มีเพื่อนที่ชื่อ โรนัลโด้ อะไร ๆ มันก็อาจจะไม่ได้เป็นแบบทุกวันนี้ ย้อนกลับไปในวันที่กำลังจะต้องโดนคัดชื่อออกจากทีมเยาวชนของ สปอร์ติ้ง "เจ็ทโด้" เป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยและต่อรองร้องขอกับทางสโมสร
"เขาบอกให้ทางสโมสรจัดเตียงเสริมมาไว้ในห้องของเขา ส่วนตู้เสื้อผ้าให้ผมใช้กับเขาก็ได้ เขาบอกว่าถ้าผมไปเขาก็จะไปเหมือนกัน"
ผู้บริหารของ สปอร์ติ้ง ยอมทำตามคำขอของ โรนัลโด้ และแม้ว่าหลังจากนั้น เซเมโด้ จะไม่ได้มีโอกาสลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของสโมสรแม้แต่เกมเดียว แต่นี่ก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด
"ผมเป็นหนี้บุญคุณเขาทุกอย่าง แถวบ้านของผมที่ เซตูบัล ที่นั่นไม่ใช่ที่สำหรับเด็ก ๆ เลย เพื่อน ๆ ของผมส่วนใหญ่ล้วนแต่หนีไม่พ้นวงการผิดกฎหมาย หลายคนเสียชีวิตไปแล้ว ติดคุกอยู่ก็เยอะ ตอนนั้นถ้าผมต้องกลับบ้าน ผมก็คงต้องไปเข้าแก๊งขโมยรถ เขาเปลี่ยนชีวิตผม ทั้งครอบครัว ลูก ๆ อาชีพการงานของผม ทุกอย่างเป็นเพราะเขา"
ภาพ
twitter.com/Cristiano
twitter.com/8FactCristiano
twitter.com/swfc
