อีกอร์ อคินเฟเยฟ เซฟได้อย่างเหนียวสุด ๆ ตลอดทั้ง 120 นาที จนไปถึงการดวลลูกโทษ ก่อนจะพา รัสเซีย เขี่ย สเปน ผ่านเข้าไปสู่รอบควอเตอร์ไฟนอลได้สำเร็จ
ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรก น.15 สเปน มาได้ลูกเตะมุม บอลยาวไปเสาสอง เซอร์เกจ์ อิ๊กนาเซวิช พยายามจะไปบัง เซร์คิโอ รามอส ทว่าจังหวะเบียดกันล้มลงบอลมันดันไปโดนขาเขาเหมือนเป็นการดีดบอลเข้าประตูตัวเองไปซะอย่างงั้น สเปน 1-0 รัสเซีย เกมดำเนินผ่านครึ่งชั่วโมงแรงสเปนเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้มากกว่า ส่วนรัสเซีย ก็หาโอกาสโต้กลับมาได้บ้างแต่ยังไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าไรนัก ว่าแล้ว น.35 อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ก็ได้โอกาสส่องเน้น ๆ ด้วยขวาบอลโค้งไปที่เสาสองแต่ว่ายังไม่คมพอบอลหลุดออกข้างไป น.40 เคราร์ด ปิเก้ ไปทำแฮนด์บอลในเขตโทษ กรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษทันที และเป็นทาง อาร์เต็ม ซูบ้า ซัดเข้าไปเป็น 1-1
ครึ่งหลังผ่านไปจนช่วงท้ายเกม สเปน ก็ยังเป็นฝ่ายไล่ครองเกมได้เหมือนเดิม ทว่าในจังหวะสุดท้ายยังไม่สามารถหาช่องเจาะเกมรับของรัสเซียได้เป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไรนัก ส่วนทาง รัสเซีย ก็เน้นการตั้งรับที่มีวินัยเข้าสู้บวกกับหาจังหวะโต้กลับ น.84 สเปน ได้ลุ้นแบบสุด ๆ เมื่อ อันเดรส อีเนียสต้า ได้สับไกวอลเล่ย์เน้น ๆ จากนอกกรอบเขตโทษ ทว่า อิกอร์ อคินเฟเยฟ ยังบินมาเซฟได้อย่างสุดยอด หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เสมอกัน 1-1 ส่งผลให้ต้องมีการต่อเวลาพิเศษไปอีก 30 นาที
เกมในช่วงต่อเวลาพิเศษ สเปน ก็ยังมีโอกาสเยอะกว่ามากเหมือนเดิม แทบจะเป็นฝ่ายที่บุกอยู่ข้างเดียวแต่ยิงยังไงก็ไม่ผ่านมือ อิกอร์ อคินเฟเยฟ สุดท้ายต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลลูกโทษ สุดท้ายเป็น รัสเซีย ที่ยิงได้แม่นกว่า สเปน โดย รัสเซีย ยิงเข้าทั้งหมด 4 คน ส่วน สเปน ยิงเข้าไป 3 คนเท่านั้น
โดยเกมนี้ รัสเซีย เอาชนะ สเปน ไปได้ด้วยสกอร์รวม 5-4 ได้ผ่านเข้าไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย รอพบผู้ชนะระหว่าง โครเอเชีย กับ เดนมาร์ก ส่วน สเปน ยังคงรักษาสถิติไม่เคยเอาชนะชาติเจ้าภสพฟุตบอลโลกได้เลยเป็หนที่ 4
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สเปน ผ่านเข้ารอบมาแบบทุลักทุเลพอสมควรเลยทีเดียว โดยเกมแรกพวกเขาเสมอกับทางโปรตุเกส 3-3 ก่อนที่ในเกมที่ 2 จะเฉือนเอาชนะ อิหร่ายน ได้ 1-0 ส่วนเกมสุดท้ายเจ๊ากับ โมร็อคโค 2-2 แน่นอนว่าเมื่อผลงานออกมาแบบนี้มันก็ต้องดูไปที่ปัจจัยว่าทำไม นั่นเป็นเพราะพวกเขาไล่ ฆูเลียน โลเปเตกี ออกจากตำแหน่งก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มได้ 2 วัน ทั้ง ๆ ที่ทำงานกันมานานกว่า 2 ปี เพื่อเตรียมทีมชุดนี้ แล้วเลือกเอาโค้ชชื่อดังแต่ขาดประสบการณ์อย่าง เฟร์นานโด เอียร์โร่ มาคุมทีมแทน
รัสเซีย จัดได้ว่าฟอร์มสดทีเดียว เพราะว่าเกมนัดเปิดสนามพวกเขาอัด ซาอุฯ ไปถึง 5-0 เกมต่อมาอัด อียิปต์ 3-1 ทว่าเกมสุดท้ายพวกเขาเลือกส่งผู้เล่นสำรองลงสนามหลายรายเลยถูก อุรุกวัย ยำใหญ่ 3-0 นอกจากนั้นเพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งอย่าง อลัน ซาโกเยฟ ก็ปิดฉากฟุตบอลโลกหนนี้ไปแล้วเรียบร้อย
สถิติการเจอกัน 5 นัดหลังสุดของทั้งสองทีมชัดเจนว่า สเปน ไม่เคยแพ้ รัสเซีย เลย และเอาชนะไปได้ 3 หน เสมอ 2 หน โดยทั้ง 3 หนที่ชนะคือรายการแข่งขันอย่างเป็นทางการอย่าง ฟุตบอลยูโร 2004 และ 2008
สเปน จอมหนึบจากค่ายปีศาจแดง ดาบิด เด เคอา, เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่ เซร์คิโอ รามอส กับ เคราร์ด ปีเก้, แบ็คซ้าย จอร์ดี้ อัลบา, แบ็คขวา ดานี่ การ์บาฆาล หรือ นาโช่ เฟร์นานเดซ, กองกลาง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ หรือ ติอาโก้ อัลกันตาร่า, โกเก้, ดาบิด ซิลบา, อันเดรส อีเนียสต้า, อีสโก้ หรือ ยาโก้ อัสปาส, ศูนย์หน้า ดีเอโก้ คอสต้า
รัสเซีย หมดสิทธิ์ใช้งาน อิกอร์ สโมลนิคอฟ ที่ติดโทษแบน, ผู้รักษาประตู อิกอร์ อาคินเฟเยฟ, ปราการหลังคู่ เซอร์เก อิกนาเชวิช กับ อิลย่า คูเตปอฟ, แบ็คซ้าย ยูริ ชีร์คอฟ, แบ็คขวา มาริโอ แฟร์นานเดส, กองกลาง โรมัน ซอบนิน, ยูริ กาซินสกี้, อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, เดนิส เชรีเชฟ หรือ อลัน ซาโกเยฟ, หน้าเป้า อาร์เต็ม ซิวบา
ที่สนาม ลุชนิกี้ สเตเดี้ยม กรุงมอสโก สเปน อันดับ 10 จากการจัดอันดับโลกโดยฟีฟ่า 5 นัดหลัง ชนะ 2 เสมอ 3 ล่าสุดไล่ตีเสมอ โมร็อกโก แบบเกือบแย่ เปลี่ยนมาดู รัสเซีย อันดับ 70 ฟีฟ่า เวิลด์แรงกิ้ง 5 นัดหลัง ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2 ล่าสุดโดน อุรุกวัย ถล่มเละ กับรอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ฝูงกระทิงดุ แชมป์กลุ่ม บี ก้าวสู่รอบนี้ด้วยผลงานที่ไม่โดดเด่น แต่ก็ไร้พ่าย 23 นัดติดต่อกันทุกรายการ ส่วน เจ้าภาพ รองแชมป์กลุ่ม เอ มาสะดุดจังเบ้อเร่อจากนัดก่อน ถูกหยุดสิติไม่แพ้ใครไว้เพียง 3 เกม คู่นี้ใครชนะ จะผ่านเข้าไปพบผู้ชนะระหว่าง โครเอเชีย หรือ เดนมาร์ก ซึ่งทีมของเอียร์โร่ คุณภาพนั้นเหนือกว่า เจ้าภาพ อยู่แล้ว มาถึงรอบนี้คงคลายความกดดันไปได้เยอะ และมีบทเรียนจากทีมเต็งที่กระเด็นตกรอบ จะรัดกุมไม่ประมาทบดเอาชนะไปได้ตามคาด