บราซิล 2-0 เม็กซิโก : ฟอร์มแกร่งของขุนพลแซมบ้า
เนย์มาร์ และเพื่อนร่วมทีมชาติบราซิล โชว์ฟอร์มแกร่ง บดเอาชนะ เม็กซิโก 2-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018
นี่คือการผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งที่ 7 ติดต่อกันของทีมแซมบ้า และในทางกลับกัน ก็เป็นการตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย 7 ครั้งติดต่อกันสำหรับทีมจังโก้เช่นกัน
เม็กซิโก เริ่มเกมได้ดีด้วยเกมเพรสซิ่งเร็วใส่จนบราซิลทำอะไรได้ไม่ถนัด ขณะที่ทั้งสองทีมพยายามเปิดเกมเข้าใส่กัน โดยบราซิลมีโอกาสที่ชัดเจนกว่า แต่ก็ยังเอาชนะเกมรับของเม็กซิโกไม่ได้
แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง นาที 51 บราซิล ได้ประตูขึ้นนำ เม็กซิโก เป็น 1-0 จนได้ วิลเลี่ยน กระชากบอลทะลุเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนปาดให้ เนย์มาร์ ยิงจ่อ ๆ เข้าไป
หลังจากนั้น เม็กซิโก พยายามเร่งเกมสู้ แต่บราซิลก็เก๋าพอที่จะคุมสถานการณ์ไว้ได้หมด และยังมาได้ประตูปิดฝาโลงเป็น 2-0 จาก โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ นาที 88
บราซิลเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง เบลเยียม กับ ญี่ปุ่น ที่จะเตะในช่วงดึก
ข้อมูลก่อนเกม
บราซิล ผ่านเข้ารอบมาด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม E ด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 โดยมีผู้เล่ยอย่าง คูตินโญ่ และ เนย์มาร์ ที่สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ เนย์มาร์ นั้นยังถือว่าที่ผ่านมายังไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของเขาเลย อาจจะเป็นเพราะว่าถูกตามประกบติดอยู่ตลอดเลยก็ได้จนไม่สามารถเล่นได้ตามต้องการ
เม็กซิโก แน่นอนว่าพวกเขาเข้ารอบมาด้วยตำแหน่งรองแชมป์กลุ่ม F โดยเกมแรกของพวกเขาก็สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้เลยทันทีด้วยการเอาชนะเยอรมนีทีมเต็งแชมป์กลุ่มที่ต้องตกรอบแรกไปด้วยตำแหน่งบ๊วยกลุ่ม แต่ที่ทีมจากแดนจังโก้ได้แค่รองแชมป์กลุ่มเพราะว่าเกมสุดท้ายพวกเขาดันพ่ายสวีเดนแบบเละเทะ 3-0 นั่นเอง
คู่นี้เจอกันมาบ่อยมากแล้ว โดยนับเอาแค่ 5 เกมหลังสุดเป็นทาง บราซิล ที่เอาชนะไปได้ถึง 3 หน เสมอ 1 หน และเม็กซิโกเอาชนะไปได้ 1 ครั้งด้วยกัน โดยในฟุตบอลโลก 2014 คู่นี้ก็เจอกันแต่ว่าจบลงด้วยสกอร์ 0-0
บราซิล vs เม็กซิโก : คู่ปรับเก่าแก่แห่งวงการฟุตบอล
ในฟุตบอลโลก 2018 มีเกมระหว่างสองทีมที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนเตะกันไปแล้วทั้งสิ้น 11 นัด แต่นั่นไม่ใช่ในกรณีของ บราซิล และ เม็กซิโก 2 ทีมที่มีประวัติการฟาดกันมาอย่างโชกโชนทุกยุค ทุกสมัย
บราซิลและเม็กซิโก ถึงเป็นหนึ่งในคู่ปรับที่เก่าแก่ที่สุดในเวทีลูกหนังทีมชาติก็ว่าได้ ทั้งสองทีมเคยเจอกันมาแล้วรวมทั้งสิ้นถึง 40 ครั้ง โดยบราซิลทำผลงานได้เหนือกว่า ชนะไป 23 ครั้ง เม็กซิโกชนะ 10 ครั้ง และเสมอกัน 7 ครั้ง แต่หากนับเฉพาะในฟุตบอลโลก การพบกันก่อนหน้านี้ 4 เกม เม็กซิโกยังยิงประตูบราซิลไม่ได้เลย
สำหรับบราซิล ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ทีมตัวเต็งหลายทีมตกรอบไปแล้ว ทำให้พวกเขาถูกมองว่ามีโอกาสคว้าแชมป์สูงขึ้นไปอีก ขณะที่ฟอร์มการเล่นจากรอบแรก ทีมแชมป์โลก 5 สมัยก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละเกมด้วย
ส่วนเม็กซิโกเริ่มต้นด้วยผลงานสุดยอดล้มแชมป์เก่าเยอรมนี และแม้จะผลงานไม่ดีในเกมสุดท้ายของรอบแรกที่แพ้ต่อสวีเดน แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะโชว์ทีเด็ดเหมือนในเกมที่ท็อปฟอร์มเอาชนะเยอรมนีอีกในเกมนี้หรือเปล่า
บราซิล จะไม่มี ดั๊กลาส คอสต้า กับ มาร์เซโล่ วิเอยร่า ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน, ผู้รักษาประตูจากโรม่า อลิสซอน เบ็คเกอร์, คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ชูเอา มิรันด้า กับ ติอาโก้ ซิลวา, แบ็คซ้าย ฟิลิเป้ ลุยส์ กาสมีร์กี้, แบ็คขวา ดานิโล่ หรือ ฟ้ากเนอร์, กองกลาง เอ็นริเก้ คาเซมิโร่, เปาลินโญ่, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, สามประสานแนวรุก วิลเลี่ยน, เนย์มาร์ จูเนียร์ และ กาเบรียล เชซุส
เม็กซิโก หมดสิทธิ์ใช้ เอคตอร์ โมเรโน่ ที่ติดโทษแบน, ผู้รักษาประตูจากลีแอช กีเยร์โม่ โอชัว, คู่ปราการหลัง อูโก้ อยาล่า กับ การ์ลอส ซัลเซโด้, แบ็คซ้าย เฮซุส กายาร์โด้, แบ็คขวา เอ็ดซอน อัลวาเรซ, แดนกลาง เอคตอร์ เอร์เรร่า, อันเดรส กวาร์ดาโด้, มิเกล ลายุน หรือ โจวานี่ โดส ซานโตส, เออร์วิง โลซาโน่, การ์ลอส เวล่า, หน้าเป้า ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
ที่สนาม ซามาร่า อารีน่า เมืองซามาร่า บราซิล อันดับ 2 ฟีฟ่า เวิลด์แรงกิ้ง 5 นัดหลัง ชนะ 4 เสมอ 2 ล่าสุดชนะ เซอร์เบีย ได้สบาย ด้าน เม็กซิโก อันดับ 15 จากการจัดอันดับโลกโดยฟีฟ่า 5 นัดหลัง ชนะ 3 แพ้ 2 ล่าสุดโดน สวีเดน ถล่มยับ กับเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทัพเซเลเซา แชมป์กลุ่ม อี ผ่านเข้าสู่รอบนี้อย่างราบรื่น แถมไร้พ่าย 14 เกมติดต่อกันทุกรายการ ทาง จังโก้ รองแชมป์กลุ่ม เอฟ พึ่งพลาดมาหมาดๆ คู่นี้สถิติการพบกันเป็น แข้งแซมบ้า ดีกว่า และเป็นทีมที่แพ้เพียงนัดเดียวจาก 24 นัดหลังสุดจากทุกรายการ ทาง เม็กซิกันชน เสมอคู่แข่งแค่นัดเดียวจาก 10 เกมหลังสุด ที่เหลือชนะ 6 แพ้ 3 นัด แต่การมาขาดแนวรับคนสำคัญในนัดนี้อาจจะส่งผลไม่น้อย อดีตแชมป์โลก 5 สมัย ดูจะพร้อมกว่าด้วยซ้ำ ยิ่งเห็น 3 ตัวเต็งร่วงตกรอบเร็วอย่างน่าใจหาย คงไม่อยากให้ยืดเยื้อต้องปิดเกมให้ได้ใน 90 นาที เพื่อมองถึงการเข้าไปรอบ 8 ทีมสุดท้าย รอคู่ชนะระหว่าง เบลเยียม หรือ ญี่ปุ่น