วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
1 ก.ย. 67 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | เชลซี | 1 - 1 | คริสตัล พาเลซ |
28 ส.ค. 67 | คาราบาว คัพ | คริสตัล พาเลซ | 4 - 0 | นอริช |
24 ส.ค. 67 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | คริสตัล พาเลซ | 0 - 2 | เวสต์แฮม |
18 ส.ค. 67 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | เบรนท์ฟอร์ด | 2 - 1 | คริสตัล พาเลซ |
11 ส.ค. 67 | ฟุตบอลอุ่นเครื่อง | คริสตัล พาเลซ | 1 - 1 | น็องต์ส |
วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
1 ก.ย. 67 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | แมนฯ ยูไนเต็ด | 0 - 3 | ลิเวอร์พูล |
24 ส.ค. 67 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | ไบรท์ตัน | 2 - 1 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
17 ส.ค. 67 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | แมนฯ ยูไนเต็ด | 1 - 0 | ฟูแล่ม |
10 ส.ค. 67 | คอมมิวนิตี้ ชิลด์ | แมนฯ ซิตี้ | 1 - 1 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
4 ส.ค. 67 | ฟุตบอลอุ่นเครื่อง | ลิเวอร์พูล | 3 - 0 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เหลือผู้เล่นในสนาม 10 คน เอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 ในการเล่นต่อเวลาพิเศษ 120 นาที เกม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนาม เวมบลีย์
ประตูชัยของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาจากการวอลเลย์สุดสวยโดยตัวสำรอง เจสซี่ ลินการ์ด ในนาทีที่ 110 และเป็นประตูที่ทำให้ หลุยส์ ฟาน กัล นำทีมคว้าแชมป์ได้เป็นรายการแรกหลังจากอยู่กับทีมมา 2 ฤดูกาล
เกมนี้สถานการณ์มาพลิกไปพลิกมาในช่วงท้าย โดยตั้งแต่เริ่มเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเล่นได้เหนือกว่ามีโอกาสทำประตูมากกว่าหลายครั้ง แต่เป็นฝ่าย คริสตัล พาเลซ ที่ได้ประตูขึ้นนำก่อนในขณะที่เหลืออีกแค่ 12 นาทีจะหมดเวลา โดย เจสัน พันเชี่ยน
แต่หลังจากนั้นแค่ 3 นาที เวย์น รูนี่ย์ ก็พาบอลลุยขึ้นไปก่อนตักเข้าไปในกรอบให้ มารูยาน เฟลลายนี่ พักอกแล้วบอลมาเข้าทาง ฆวน มาต้า หวดผ่านมือนายประตูของ คริสตัล พาเลซ เข้าไปตุงตาข่าย จบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเล่นกันต่อเพื่อหาผู้ชนะ
ช่วงต่อเวลาพิเศษผ่านไป 10 นาที สถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตกเป็นรองเมื่อ คริส สมอลลิ่ง มาโดนใบเหลืองที่ 2 ต้องออกจากสนาม
ทว่าหลังจากนั้นนับเวลาเพียงแค่ 175 วินาที จากจังหวะที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย พาบอลมาทางกราบขวาแล้วเปิดยัดเข้าไปในกรอบเขตโทษ กองหลังของ คริสตัล พาเลซ สกัดบอลไม่ดี มาเข้าทาง ลินการ์ด ซัดตูมเดียวบอลพุ่งเป็นจรวดเข้าไปเป็นประตูชัย ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 2-1 คว้าถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ ไปครองเป็นสมัยที่ 12
ความพร้อมล่าสุดของ คริสตัล พาเลซ จะไม่มี โจ เลดลี่ย์ ที่มีอาการบาดเจ็บ แต่จะได้ 3 ผู้เล่นหายเจ็บกลับมา วิลฟรีด ซาฮา, โยอัน กาบาย และ คอเนอร์ วิคแฮม ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม เวย์น เฮนเนสซี่ ลงเฝ้าเสา, แผงกองหลัง โจเอล วอร์ด, สกอตต์ แดน, เดเมี่ยน เดลานี่ย์, ปาเป้ ซัวเร่, แดนกลาง ไมล์ เยดินัค, โยอัน กาบาย - วิลฟรีด ซาฮา, ยานนิค โบลาซี่ย์, เจสัน พันชอน หน้าเป้า ดไวท์ เกย์ล
ด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอเช็คความฟิตของ 3 กองหลังทั้ง มาร์กอส โรโฮ, มัตเตโอ ดาร์เมียน, ทิโมที โฟซู เมนซาห์ และ มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน ทีมที่คาดว่าจะลงสนามผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ดาบิด เด เคอา, เซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ คริส สมอลลิ่ง กับ ดาเล่ย์ บลินด์, แบ็คซ้าย มาร์กอส โรโฮ, แบ็คขวา อันโตนิโอ วาเลนเซีย, แดนกลาง ไมเคิล คาร์ริค, มารูยาน เฟลไลนี่, ฆวน มาต้า, เวย์น รูนี่ย์, อองโตนี่ มาร์กซิยาล ทำเกมริมเส้นฝั่งซ้าย, หน้าเป้า มาร์คัส แรชฟอร์ด
นัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ที่สนานเวมบลีย์ ทั้ง คริสตัล พาเลซ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างก็ส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงสนาม ด้านปราสาทเรือนแก้วนัดปิดฤดูกาลพ่ายแพ้มาแต่ได้พักมามากกว่าปีศาลแดง ที่นัดปิดฤดูกาลกำชัยในบ้านตัวเองได้ เกมนี้จะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเกมรุกเข้าใส่คว้าชัยชนะในนัดนี้เพื่อเป็นแชมป์ติดไม้ติดมือเป็นของขวัญให้แฟนบอล