ยูโร 2016 : เวลส์ 3-1 เบลเยียม
ศึก ยูโร 2016 รอบก่อนรองชนะเลิศคู่ที่สอง เวลส์ พบกับ เบลเยียม ที่สนาม สต๊าด ปิแอร์-โมรัว เมืองลีลล์
เริ่มเกมมาเป็นทาง เบลเยียม ที่เปิดฉากบุกได้ตลอด 10 นาทีแรก ขณะที่ เวลส์ ก็มีโอกาสทำเกมโต้กลับได้อย่างน่ากลัว จนกระทั่ง น.13 เบลเยียม ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ รัดย่า นาอิงโกลัน ได้โอกาสยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษบอลพุ่งแรงเข้าไปอย่างสวยงาม
เข้าสู่ น.20 เวลส์ เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้บ้าง และมีโอกาสตีเสมอจากลูกยิงของ นีล เทย์เลอร์ แต่ก็ไม่ผ่านซูเปอร์เซฟของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จนกระทั่ง น.31 เวลส์ มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากจังหวะเตะมุม อารอน แรมซี่ย์ เปิดไปหน้าประตู แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ ได้โขกโล่ง ๆ หลังจากนั้นก็ยังเป็น เวลส์ ที่ครองเกมได้จนหมดครึ่งแรก
เริ่มครึ่งหลังมาได้ 10 นาที เป็นทาง เวลส์ ที่มาได้ประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ อารอน แรมซี่ย์ เปิดเข้ากรอบเขตโทษให้กับ ฮาล ร็อบสัน-คานู ดึงหลอกกองหลัง เบลเยียม หนึ่งจังหวะก่อนที่จะยิงด้วยซ้ายเข้าไปโล่ง ๆ หลังจากนั้น เวลส์ ก็ยังคงทำเกมได้ดีกว่า
เข้าสู่ น.70 เบลเยียม พยายามเปิดเกมบุกหวังทวงประตูคืน แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของ เวลส์ ได้ เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย เบลเยียม พับสนามบุกอย่างหนัก แต่ทว่าเป็นฝั่ง เวลส์ ที่มาได้ประตูปิดกล่อง 3-1 จากจังหวะที่ คริส กันเทอร์ พาบอลขึ้นทางฝั่งขวาก่อนที่จะโยนเข้ากลาง แซม โว้คส์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองวิ่งเข้าไปโหม่งเช็ดเข้าไปอย่างสุดสวย
จบเกม !! เวลส์ โชว์ฟอร์มสุดยอดยิงสามประตูรวดพลิกกลับมากำชัยเหนือ เบลเยียม 3-1 ส่งผลให้ทัพ "มังกรแดง" สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ จากการได้ลงเล่นในศึก ยูโร รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก
เวลส์ ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะติดโทษแบนแต่อย่างใด ผู้รักษาประตู เวย์น เฮนเนสซี่, สามเซนเตอร์ฮาล์ฟ แอชลี่ย์ วิลเลียมส์, เบน เดวิส และเจมส์ เชสเตอร์, แดนกลาง คริส กันเทอร์, โจ เลดลี่ย์, อารอน แรมซี่ย์, โจ อัลเลน, นีล เทย์เลอร์, คู่ศูนย์หน้า จอนนี่ วิลเลียมส์ กับ แกเร็ธ เบล
เบลเยียม สภาพความพร้อมล่าสุด จะอดใช้งาน โธมัส แฟร์มาเล่น จากการติดโทษแบน 1 นัด จากใบเหลืองครบ 2 ใบ และ ต้องรอเช็กฟิต เอแด็น อาซาร์ รวมไปถึง แยน แฟร์ทองเก้น ที่เจ็บยาว, ผู้รักษาประตู ติโบต์ กูร์กตัวส์, คู่ปราการหลัง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด, กับ เดนี่ เดนาเยอร์, แบ็คขวา โลร็องต์ ซิม็อง, แบ็คซ้าย จอร์แดน ลูกากู, แผงกองกลาง อักเซล วิตเซิ่ล, รัดย่า นาอิงโกลัน, ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้, สามประสานในแดนหน้า เอแด็น อาซาร์, โรเมลู ลูกากู และเควิน เดอ บรอยน์
ที่สนาม สต๊าด ปิแอร์-โมรัว เมืองลีลล์ เวลส์ หนึ่งเดียวในสหรัฐอาณาจักรที่ก้าวสู่รอบ 8 ทีม 4 นัดล่าสุด ชนะ 3 แพ้ 1 ถือว่าทำผลงานได้ดีเป็นอีกหนึ่งม้ามืดที่น่าจับตา ฝั่ง เบลเยียม แม้จะพลาดท่าแพ้นัดแรกต่อ อิตาลี แต่สามนัดหลังชนะรวด ด้วยสกอร์ที่สูงกรุยทางเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศด้วยความมั่นใจ เกมนี้แม้ เวลส์ จะตั้งรับรอสวนกลับ แต่ เบลเยียม คงจะเปิดเกมรุกเข้าใส่ตลอดด้วยแนวรุกที่จัดจ้าน น่าจะเบียดเอาชนะไปได้ในที่สุด