วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
19 พ.ย. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | โครเอเชีย | 1 - 1 | โปรตุเกส |
16 พ.ย. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | โปรตุเกส | 5 - 1 | โปแลนด์ |
16 ต.ค. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | สกอตแลนด์ | 0 - 0 | โปรตุเกส |
13 ต.ค. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | โปแลนด์ | 1 - 3 | โปรตุเกส |
9 ก.ย. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | โปรตุเกส | 2 - 1 | สกอตแลนด์ |
วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
18 พ.ย. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | อิตาลี | 1 - 3 | ฝรั่งเศส |
15 พ.ย. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | ฝรั่งเศส | 0 - 0 | อิสราเอล |
15 ต.ค. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | เบลเยียม | 1 - 2 | ฝรั่งเศส |
11 ต.ค. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | อิสราเอล | 1 - 4 | ฝรั่งเศส |
10 ก.ย. 67 | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก A | ฝรั่งเศส | 2 - 0 | เบลเยียม |
ทีมชาติโปรตเกสสร้างผลงานคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ไปครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยการเอาชนะ ฝรั่งเศส 1-0 หลังจบช่วงต่อเวลาพิเศษ เกมชิงชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2016
เกมนี้ โปรตุเกสถูกมองว่าเป็นรองเจ้าภาพฝรั่งเศส และยังต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่อย่างยิ่ง เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมตัวเก่ง ได้เล่นอยู่ในสนามถึงนาที 25 ก็ต้องเปลี่ยนตัวออก เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าซ้าย จากจังหวะปะทะกับ ดิมิทรี ปาเยต จนเล่นต่อไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศส ที่ดูเหมือนทุกอย่างเป็นใจให้ กลับไม่สามารถฉกฉวยความได้เปรียบทำอะไรโปรตุเกสได้ถนัด แม้จะพยายามหาทางเจาะเข้าทำ แต่ฝั่งโปรตุเกส ก็ตรึงเกมรับได้เหนียวแน่น
ในช่วงที่เกมกำลังจะครบ 90 นาที ฝรั่งเศส ก็ใกล้เคียงกับการคว้าชัยชนะอย่างที่สุด เมื่อ อังเดร-ปิแอร์ ชิยัค ได้จังหวะยิงไปชนเสาอย่างจัง แต่ในที่สุดทั้งสองทีมก็ต้องไปเล่นกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ
และในขณะที่เกมดูเหมือนจะต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ เอแดร์ ดาวยิงที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรอง ก็ได้โอกาส สับไกจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งเรียดเสียบเสา เป็นประตูขึ้นนำของโปรตุเกส และกลายเป็นประตูชัยที่นำทีม "ฝอยทอง" คว้าแชมป์ ยูโร 2016 ไปครอง
สถิติหลังนัดชิง ยูโร 2016
- โปรตุเกส คว้าแชมป์ได้สำเร็จ หลังจากลงเล่นใน ยูโร รอบสุดท้ายมา 35 แมตช์
- โดยทีมชาติโปรตุเกสนับเป็นทีมที่ 10 ที่คว้าแชมป์ ยูโร
- เอแดร์ นับเป็นผู้เล่นคนที่ 6 ที่ลงสนามเป็นตัวสำรองแล้วยิงประตูได้ใน ยูโร นัดชิงชนะเลิศ ต่อจาก โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์, ซิลแวง วิลตอร์, ดาวิด เทรเซเกต์, ฆวน มาต้า และ เฟร์นานโด ตอร์เรส
- โปรตุเกส เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ ยูโร ที่ต้องเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษถึง 3 ครั้ง ในทัวร์นาเมนต์เดียว
- เกมนี้กว่าจะมีการยิงเข้ากรอบครั้งแรกก็ต้องรอถึงนาทีที่ 80 ซึ่งเป็นสถิตินานที่สุดของ ยูโร นัดชิงชนะเลิศ
โปรตุเกส ยังต้องรอเช็กความฟิตของ เปเป้ ปราการหลังตัวเก๋าที่เจ็บและไม่ได้ลงเล่นรอบตัดเชือก แต่ข่าวล่าสุดก็สามารถซ้อมร่วมกับทีมได้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว ขณะที่ วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ ก็เป็นอีกคนที่จะกลับมาเล่นได้หลังพ้นโทษแบน และน่าจะได้ลงตัวจริงแทน ดานิโล่ ส่วนคนอื่น ๆ ฟิตพร้อมลงสนาม
ด้านฝรั่งเศสผู้เล่นทั้ง 23 คนไม่มีปัญหา และกุนซือ ดิดิเยร์ เดส์ช็องป์ส ก็คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทีมจากนัดที่ชนะ เยอรมนี 2-0 แดนกลางเดินเกมโดย ปอล ป็อกบา และเกมรุกยังเป็นตัวเก่ง อ็องตวน กรีซมันน์ ที่กำลังเข้าฝักยืนคู่กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์
เจอกันมา 10 นัดล่าสุด ฝรั่งเศสเอาชนะโปรตุเกสได้ทั้งหมด และนั่นทำให้ทีมฝอยทองเป็นรองตราไก่อย่างชัดเจน สิ่งที่จะช่วยให้พลิกชะตาเอาชนะเจ้าภาพได้ก็คงต้องอาศัยท็อปฟอร์มของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อย่างไรก็ตาม จากฟอร์มนัดล่าสุดในรอบตัดเชือก ทำให้เห็นว่า ฝรั่งเศสดีขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เกมแรก และถึงตอนนี้ ทุกอย่างดูเหมือนจะขีดเส้นมาให้พวกเขาเป็นแชมป์
ผู้เล่น 11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
โปรตุเกส : รุย ปาตริซิโอ, เปเป้, โชเซ่ ฟอนเต้, ราฟาเอล เกอร์เรยโร่, เซดริค โซอาเรส, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, อาเดรียน ซิลวา, เรนาโต้ ซานเชส, ชูเอา มาริโอ, นานี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส, ซามูแอล อูมติตี้, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, ปาทริซ เอวร่า, บาการี่ ซานญ่า, ปอล ป็อกบา, มุสซ่า ซิสโซโก้, แบลส มาตุยดี้, ดมิทรี ปาเยต, อองตวน กรีซมันน์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์