วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
21 ก.ย. 66 | ยูฟ่า ยูโรปา ลีก | แอลเอเอสเค ลินซ์ | 1 - 3 | ลิเวอร์พูล |
16 ก.ย. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | วูล์ฟแฮมป์ตัน | 1 - 3 | ลิเวอร์พูล |
3 ก.ย. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | ลิเวอร์พูล | 3 - 0 | แอสตัน วิลล่า |
27 ส.ค. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | นิวคาสเซิ่ล | 1 - 2 | ลิเวอร์พูล |
19 ส.ค. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | ลิเวอร์พูล | 3 - 1 | บอร์นมัธ |
วันที่ | รายการ | ทีม | VS | ทีม |
---|---|---|---|---|
16 ก.ย. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | สเปอร์ส | 2 - 1 | เชฟฯ ยูไนเต็ด |
2 ก.ย. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | เบิร์นลี่ย์ | 2 - 5 | สเปอร์ส |
30 ส.ค. 66 | คาราบาว คัพ | ฟูแล่ม | 1 - 1 | สเปอร์ส |
26 ส.ค. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | บอร์นมัธ | 0 - 2 | สเปอร์ส |
19 ส.ค. 66 | พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | สเปอร์ส | 2 - 0 | แมนฯ ยูไนเต็ด |
ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เหมายิง 2 ประตู ให้ ลิเวอร์พูล ผ่าน สเปอร์ส เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย อีเอฟแอล คัพ พร้อมกับเพิ่มสถิติไม่แพ้ใครเป็นเกมที่ 10 ติดต่อกัน
ดาวยิงทีมชาติอังกฤษใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็จัดการซัดประตูแรกได้จากจังหวะได้บอลเดี่ยว ๆ หน้าปากประตูแล้วจิ้มผ่าน มิเชล ฟอร์ม นายทวารของ สเปอร์ส เข้าไปไม่เหลือ ส่วนลูกที่สองมาในครึ่งหลังเป็นจังหวะที่ ดิว็อค โอริกี้ แทงบอลทะลุแนวรับให้ สเตอร์ริดจ์ หลุดเดี่ยวและก็ไม่พลาด
ด้าน สเปอร์ส มาได้ประตูตีไข่แตกช่วงท้ายเกม จากจังหวะที่ เอริค ลาเมล่า โดนทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และ วินเซนต์ ยานส์เซ่น เป็นผู้สังหารจุดโทษเข้าไป
สำหรับ ลิเวอร์พูล เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนผู้เล่นหมด 11 คน ซึ่งก็พอ ๆ กับทางฝั่ง สเปอร์ส ที่เหลือตัวจริงจากเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์แค่คนเดียว
ลิเวอร์พูล จะไม่มี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่ติดโทษแบน โดยเกมนี้ คล็อปป์ จะให้โอกาส ซิมง มินโญเลต์ ลงเป็นตัวจริง ขณะที่ แดนนี่ อิงส์ ก็จะได้โอกาสลงสนามด้วย หลังจากที่เพิ่งได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแค่ 26 นาทีในฤดูกาลนี้ ส่วนคนอื่น ๆ ที่น่าจะได้ลงเป็นตัวจริงก็มี ลูคัส เลว่า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, อัลแบร์โต้ โมเรโน่ และ รักนาร์ คลาวาน บวกกับดาวรุ่งอย่าง มาร์โก กรูยิช และ
ด้าน สเปอร์ส ก็จะไม่มีกองกลางตัวเก่ง มุสซ่า ซิสโกโก้ ที่โดนแบนเหมือนกัน กุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็จะให้นายทวารตัวสำรอง มิเชล ฟอร์ม ลงเล่นแทน ฮูโก้ ยอริส และให้โอกาสดาวรุ่งกับตัวสำรองอย่าง เควิน วิมเมอร์, คาเมรอน-คาร์เตอร์ วิคเกอร์ส, แฮร์รี่ วิงค์ส, จอร์เจส-เควิน เอ็นคูดู และ วินเซนต์ ยานส์เซ่น
คู่นี้ฟอร์มสุดยอดด้วยกันทั้งคู่ ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ใครมา 11 เกม ชนะ 9 เสมอ 2 ขณะที่ สเปอร์ส ก็แพ้ไปนัดเดียวจากการลงสนามทุกรายการในซีซั่นนี้
เจอกันในเกมลีก ลิเวอร์พูล บุกไปเสมอที่ บ้านของ สเปอร์ส และนัดนี้ทั้งสองทีมเอาตัวสำรองกับดาวรุ่งเล่นเหมือนกัน ซึ่งนั่นทำให้ผลการแข่งขันอาจจะอยู่ที่ความได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้าน