ลิเวอร์พูล จะไม่มี อัลเบร์โต้ โมเรโน่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เนธาเนียล ไคลน์ ที่เจ็บอยู่เดิม, ผู้รักษาประตูชาวเบลเยียม ซิมง มิโญเล่ต์, คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กับ เดยัน ลอฟเรน หรือ รักนาร์ คลาวาน, แบ็คซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, แบ็คขวา โจ โกเมซ หรือ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แดนกลาง เอ็มเร่ ชาน หรือ เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, สามแนวรุก ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หมดสิทธิ์ใช้ เบนฌาแม็ง เมนดี้, กาเบรียล เชซุส และ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่ยังรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป, นายด่านดาวรุ่งชาวบราซิเลี่ยน เอแดร์ซอน โมราเอส, คู่ปราการหลัง นิโกลัส โอตาเมนดี้ กับ จอห์น สโตนส์, แบ็คซ้าย ฟาเบียน เดลฟ์ หรือ ดานิโล่, แบ็คขวา ไคล์ วอล์คเกอร์, กองกลาง แฟร์นันดินโญ่, ดาบิด ซิลบา, เควิน เดอ บรอยน์, สามแนวรุก ราฮีม สเตอร์ลิง, ลีรอย ซาเน่ และ เซร์คิโอ อเกวโร่
ที่สนาม แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล อันดับ 4 ห้านัดหลัง ชนะ 4 เสมอ 1 ล่าสุดเปิดบ้านชนะ เอฟเวอร์ตัน ผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ ฟาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูง 5 นัดหลัง ชนะ 4 เสมอ 1 ล่าสุดเฝ้ารังชนะ บริสตอล ในเกมคาราบาว คัพ กับบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก ประจำวันอาทิตย์ หงส์แดง ชนะ 4 นัดติด ไร้พ่าย 17 นัดติดต่อกันทุกรายการ รับการมาเยือนของ เรือใบสีฟ้า ชนะ 3 เกทติดกัน ไม่แพ้ให้ใคร 10 เกมจากทุกรายการ และยังเป็นทีมเดียวในลีกที่ยังไม่แพ้ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ทั้งสองทีมพบกัน 5 ครั้งล่าสุด ทีมของคล็อป์ ดีกว่าเล็กน้อย แต่เจอกันล่าสุดเมื่อ 4 เดือนก่อน ลูกทีมเป๊ป เคยชนะขาดก็จริง แต่สถิติย้ำชัดว่า ซิตี้ ไม่เคยบุกมาชนะ หงส์แดง ที่ แอนฟิลด์ ได้เลย นับเป็นเวลา 15 ปีเข้าไปแล้ว แถมเจ้าถิ่นมีแรงจูงใจชั้นดี หากมีสามแต้ม จะทะยานสู่รองจ่าฝูงทันที ได้พักมามากกว่า เล่นในรังพร้อมแรงหนุนจากเสียงเชียร์ คงสู้ได้ไม่เป็นรอง
ฟันธง : หงส์แดง แรงสั่งได้