
ภาพข่าว AFP
การแข่งขัน ยูโรเปี้ยน คัพ ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ 22 ปี แล้ว นับตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งในรอบ 22 ปี ที่ผ่านมามีมากมายหลายทีมที่ได้แชมป์ แต่ว่าแชมป์ทีมไหนกันที่ถือว่าเจ๋งเป้งที่สุด
จากรายงานของ อีเอสพีเอ็น มีการจัดอันดับทำเนียบแชมป์ที่ถือว่าเป็นที่สุดของที่สุดของแชมป์เอาไว้ 22 อันดับ โดยการพลิกชะตากลับมาเป็นแชมป์ของ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2005 ณ กรุงอิสตันบูล นั้นถูกจัดเอาไว้ที่อันดับ 22 พอดี
ทำเนียบแชมป์ที่เจ๋งที่สุด 22 อันดับ
อันดับ 22
ลิเวอร์พูล ปี 2005
คงไม่มีเหล่า เดอะ ค็อป รายไหนลืมค่ำคืนอันแสนดื่มด่ำที่กรุงอิสตันบูลได้แน่นอน เมื่อรอบชิงชนะเลิศ เป็น เอซี มิลาน ที่พบกับ ลิเวอร์พูล แล้วครึ่งแรกยอดทีมจากอิตาลีก็ได้ประตูนำไปก่อนถึง 3-0 เรียกได้ว่าแทบจะปิดฉาก ทว่าในครึ่งหลัง หงส์แดง ซัดคืน 3 ประตูรวด ก่อนที่จะเถลิงแชมป์สมัยที่ 5 ของสโมสรได้สำเร็จจากการดวลลูกโทษที่จุดโทษ
อันดับ 21
เรอัล มาดริด ปี 1998
ในยุคเรืองอำนาจของจริงสำหรับ เรอัล มาดริด ที่นำโดยเหล่าซุปตาร์อย่าง เปแดร็ก มิยาโตวิช, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ และราอูล กอนซาเลซ ซึ่งในเกมนัดชิงนี้เป็น สตาร์เซิร์บ ที่ซัดประตูชัยให้กับ ราชันชุดขาว เอาชนะ ยูเวนตุส
อันดับ 20
ปอร์โต้ ปี 2004
การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2004 ถือเป็นการแจ้งเกิดของ โชเซ่ มูรินโญ่ อย่างแท้จริงเมื่อพา ปอร์โต้ ทีมม้ามืดเข้ามาเป็นแชมป์ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะ โมนาโก ไปถึง 3-0 โดยมีขุนพลหลัก ๆ อย่าง เดโก้, เปาโล เฟอร์ไรร่า และเปโดร เมนเดส
อันดับ 19
เชลซี ปี 2012
เชลซี ประสบความสำเร็จในการเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยผลงานที่ถือว่าไม่ธรรมดาเมื่อเขาผ่านทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า เข้ามาได้ จนกระทั่งได้ชิงแชมป์กับ บาเยิร์น มิวนิค และสามารถครองแชมป์ได้สำเร็จ ซึ่งกุนซือที่พาทีมได้แชมป์อย่าง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ต้องโบกมือลาทีมไปเพราะยังไม่ใช่กุนซือบิ๊กเนม
อันดับ 18
มาร์กเซย ปี 1993
มาร์กเซย ฉลองการเปลียนชื่อจาก ยูโรเปี้ยน คัพ มาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยตำแหน่งแชมป์ครั้งแรก และครั้งเดียวในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการมีชัยชนะเหนือ เอซี มิลาน
อันดับ 17
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ปี 1997
ดอร์ทมุนด์ ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ด้วยการฟาดแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปครองเป็นสมัยแรกของสโมสรด้วยการเอาชนะ ยูเวนตุส ไปได้ ในยุคที่ทีมเต็มไปด้วยสตาร์ดัง และเหล่าดาวรุ่งมากมายอย่าง มัทธีอัส ซามเมอร์, อันเดรียส โมลเลอร์, พอล แลมเบิร์ต, ลาร์ส ริคเค่น หรือ คาร์ส ไฮน์ รีดเล่
อันดับ 16
เอซี มิลาน ปี 2003
เอซี มิลาน มีโอกาสเข้าชิงอีกครั้งหนึ่งภายใต้การทำทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ซึ่งรอบนี้เป็นการเผชิญหน้ากับ ยูเวนตุส และต้องดวลกันถึงฎีกา ก่อนที่ ขุนพลรอสโซ่เนรี่ จะเอาชนะ และคว้าแชมป์ไปครองได้ในที่สุด โดยมี ดีด้า นายทวารบราซิเลี่ยนเป็นฮีโร่ในการเซฟลูกจุดโทษ
อันดับ 15
เรอัล มาดริด ปี 2000
ราชันชุดขาว เข้าชิงชนะเลิศกับ บาเลนเซีย ในยุคที่มี เฟร์นานโด มอริเอนเตส จับคู่กับ ราอูล กอนซาเลซ โดยเส้นทางของ เรอัล มาดริด ก่อนจะเข้ามาเป็นแชมป์ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะว่าพวกเขาโค่นทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และบาเยิร์น มิวนิค มาก่อนหน้าแล้ว
อันดับ 14
เอซี มิลาน ปี 2007
เอซี มิลาน กลับมาเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งถือเป็นเกมรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศในปี 2005 และในครั้งนี้ก็เป็น เอซี มิลาน ที่นำไปก่อน 2-0 จากการทำประตูของ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ก่อนที่ เดิร์ค เค้าท์ จะมาตีไข่แตกให้ หงส์แดง ทว่าสุดท้ายแล้วเป็น ปีศาจแดงดำ ที่เป็นแชมป์ไปในที่สุด และในปีนั้นเอง ริคาร์โด้ กาก้า ก็ได้บัลลง ดอร์ ไปนอนกอดเสียด้วย
อันดับ 13
บาเยิร์น มิวนิค ปี 2001
บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2001 พวกเขาถือว่าแข็งแกร่งทีเดียว โดยมี อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ เป็นนายใหญ่ โดยพวกเขาผ่านเส้นทางที่แสนจะโหดเข้ามาชิงชนะเลิศทั้ง แมนฯ ยู ไนเต็ด และเรอัล มาดริด ซึ่งคู่ชิงเป็น บาเลนเซีย ที่ในตอนนั้นแข็งแกร่งเหลือเกินจนต้องดวลลูกโทษตัดสิน และเป็น โอลิเวอร์ คาห์น ที่เซฟ 3 จุดโทษช่วยให้ เสือใต้ เถลิงแชมป์
อันดับ 12
บาร์เซโลน่า ปี 2006
บาร์ซ่า ในปี 2006 ถือว่าเป็นยุคเริ่มต้นแห่งความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงเพราะว่ากุนซืออย่าง แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ที่วางรากฐานเอาไว้อย่างดีเยี่ยม โดยพวกเขามีนักเตะอย่าง โรนัลดินโญ่ เป็นหัวใจของทีมแถมยังมี เดโก้ ที่เคยผ่านแชมป์มาแล้วกับ ปอร์โต้ ในปี 2004 อีกด้วย
อันดับ 11
เรอัล มาดริด ปี 2014
เรอัล มาดริด ในฤดูกาลที่ผ่านมาพวกเขาผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศกับ แอตฯ มาดริด ซึ่งเป็นเกมนัดชิงชนะเลิศที่เป็นเกมดาร์บี้แมตช์หนแรก โดยได้ประตูชัยจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่งผลให้พวกเขาครองแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 10
อันดับ 10
อินเตอร์ มิลาน ปี 2010
อินเตอร์ มิลาน ก้าวขึ้นมาได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นสมัยที่ 3 ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ โดยพวกเขาเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้ 2-0 ซึ่งหลังเกมดังกล่าว นายใหญ่โปรตุกีส ก็อำลาทีมไป เพื่อไปคุม เรอัล มาดริด
อันดับ 9
เรอัล มาดริด ปี 2002
ในปี 2002 ถือเป็นยุคเริ่มต้นของ เรอัล มาดริด ในนาม กาลาคติกอส เนื่องด้วยมีสตาร์มากมายในทีมทั้ง ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้, โคล้ด มาเกเลเล่ เป็นต้น โดยประตูชัยของ เรอัล มาดริด เหนือ เลเวอร์คูเซ่น ที่มี มิชาเอล บัลลัค เป็นจอมทัพ ถือว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดตลอดกาลลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้เมื่อ โรแบร์โต้ คาร์ลอส โยนยาวจากราบซ้ายมาให้ ซีดาน วอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายไม่แบบไม่จับบอลพุ่งซุกก้นตะข่ายสวยงาม
อันดับ 8
แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2008
แมตช์ชิงชนะเลิศในปี 2008 แมนฯ ยูไนเต็ด พบกับ เชลซี ซึ่งเป็นเกมที่ดุเด็ดเผ็ดมันเอามาก ๆ โดยในตอนนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถือว่าอยู่ในฟอร์มที่พีกสุด ๆ ทว่าทั้งสองทีมต้องดวลกันด้วยลูกจุดโทษ และสุดท้าย จอห์น เทอร์รี่ ลื่นล้มยิงจุดพลาดไป ส่งผลให้ ปีศาจแดง ได้ครองเจ้ายุโรป
อันดับ 7
ยูเวนตุส ปี 1996
การได้แชมป์ของ ยูเวนตุส ในปีดังกล่าวถือว่าเป็นปีที่ยอดเยี่ยมเพราะว่าพวกเขาได้เจอเพชรเม็ดงามที่เป็นเด็กปั้นของสโมสรอย่าง อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ โดยในตอนนั้น "ป๋าเดล" อายุเพิ่ง 21 ปี เท่านั้น และกดไปทั้งสิ้น 6 เม็ด
อันดับ 6
อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ปี 1995
ในปี 1995 อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้ครองแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ของประวัติศาสตร์สโมสร โดยในครั้งนั้นเป็นการแจ้งเกิดของสตาร์ดัตช์มากมายอาทิ เอ็ดการ์ ดาวิดส์, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, พี่น้องเดอบัวร์ รวมไปถึง แพทริค ไคลเวิร์ต ผู้ยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะ เอซี มิลาน 1-0
อันดับ 5
แมนฯ ยูไนเต็ด ปี 1999
ปีศาจแดง ในปี 1999 ถือว่าเป็นปีที่เรียกศรัทธาจากแฟนบอลได้มากที่สุด เมื่อพวกเขาสามารถพลิกกลับมาเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ได้อย่างเฉียบขาดจากการทำประตูของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
อันดับ 4
เอซี มิลาน ปี 1994
เอซี มิลาน ภายใต้การทำทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ถือว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยขุนพลของทีมในตอนนั้นถือว่าระดับซุปตาร์ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ซโวนิเมียร์ โบบัน, เปาโล มัลดินี่, ฌอง ปิแอร์-ปาแปง และเดยัน ซาวิเซวิช แน่นอนว่าสามารถไล่ถลุงคู่ชิงอย่าง บาร์เซโลน่า ไปได้ 4-0
อันดับ 3
บาเยิร์น มิวนิค ปี 2013
พี่เสือ กรุยทางเข้ามาชิงชนะเลิศกับคู่แข่งทีมสำคัญอย่าง ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นทาง บาเยิร์น มิวนิค ที่แข็งแกร่ง และเก๋าเกมกว่าเอาชนะไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหลังเกมการแข่งขัน เทรนเนอร์วัยเก๋าอย่าง จุปป์ ไฮยน์เกส ก็ประกาศรีไทร์ตัวเองจากการคุมทีมอย่างถาวร
อันดับ 2
บาร์เซโลน่า ปี 2009
การประเดิมคุมทีมในฐานะกุนซือใหญ่หนแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว ด้วยการวางรากฐานทีมที่ยอดเยี่ยม โดยเขาวางให้เยาวชนของสโมสรมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งในเกมนี้ บาร์ซ่า เอาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ไป 2-0
อันดับ 1
บาร์เซโลน่า ปี 2011
บาร์ซ่า กลับมาเข้าชิงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ในรอบ 3 ปี ซึ่งในครั้งนี้ก็ยังคงเป็น บาร์เซโลน่า ที่ไฉไลกว่ายอดทีมแห่งเกาะอังกฤษ ด้วยการเอาชนะ และคว้าแชมป์ไปครองได้เป็นสมัยที่ 4 ของสโมสร
ขอบคุณข้อมูลจาก อีเอสพีเอ็น