ภาพ AFP
โชเซ่ มูรินโญ่ อยู่ในอารมณ์โมโหถึงขีดสุด หลัง "สิงโตน้ำเงินคราม" จ่าฝูง" พรีเมียร์ลีก แพ้ต่อ แบร็ดฟอร์ด ซิตี้ ทีมจาก ลีกวัน คาบ้าน 2-4 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวเมินหน้าไม่พูดอะไรกับลูกทีมแม้แต่คำเดียวหลังจบเกม
เชลซี ออกนำก่อนถึง 2-0 แต่กลับโดนตีไข่แตกในช่วงท้ายครึ่งแรก และมาโดนทีมเยือนยิงอีก 3 ประตูรวดในครึ่งหลัง ร่วงตกรอบไปอย่างพลิกความคาดหมาย ซึ่ง มูรินโญ่ เปิดเผยภายหลังว่า "ตอนนั้นไม่ใช่่เวลาที่ผมจะไปคุยอะไรกับลูกทีม"
เกมนี้ซึ่งคั่นอยู่ระหว่างเกม แคปิตอล วัน คัพ รอบรองชนะเลิศ กับ ลิเวอร์พูล 2 นัด มูรินโญ่ จัดการเปลี่ยนทีมจากนัดที่บุกเสมอ 1-1 ที่ แอนฟิลด์ เมื่อกลางสัปดาห์ ถึง 9 คน ทว่ากุนซือชาวโปรตุเกสอธิบายว่าตลอดทั้งฤดูกาลนี้ค่อนข้างจะใช้การหมุนเวียนผู้เล่นน้อยมาก
"ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยเปลี่ยนทีมมากนัก ผมพยายามจะรักษาความคงเส้นคงวาของทีม บางทีถึงตอนนี้คุณคงจะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไม แต่ผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้มากนัก นี่คือทีมของผม ผมเชื่อใจพวกเขา ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเถอะ" มูรินโญ่ กล่าวแบบรักษาน้ำใจ แต่ก็แน่นอนว่าย่อมหมายถึงบรรดาตัวสำรองที่ได้ลงสนามในเกมนี้ แต่กลับทำผลงานไม่เข้าตาทั้ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา, โลอิค เรมี่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ จอห์น โอบี มิเคล
อย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ ย้ำว่า ยังไม่ได้คิดจะลุยตลาดนักเตะเต็มที่เพื่อหาซื้อผู้เล่นใหม่ โดยระบุว่า "ผมเชื่อมั่นใจทีมนี้ และไม่ใช่ว่าแค่ผลงานน่าผิดหวังและการเล่นแย่ๆ เกมนี้ มันจะถึงกับต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ผมพอใจที่จะเดินหน้าต่อกับทีมนี้ เราคงไม่สามารถเข้าสู่ตลาดแล้วทุ่มเงินก้อนโตได้ ผมเข้าใจสโมสรดี และผมพอใจกับสถานะในตอนนี้ ผมคิดว่าเราคงจะไม่เคลื่อนไหวอะไรในตลาดนักเตะนะ"
