จานฟรานโก้ โซล่า ครั้งหนึ่งเขาคือราชาแห่ง เดอะ บริดจ์

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน การมาของ จานฟรานโก้ โซล่า นักเตะตัวเล็ก ๆ จากอิตาลี คืออีกหนึ่งการย้ายทีมที่กลายเป็นปรากฎการณ์สำหรับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และอาจจะบอกได้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี โฉมใหม่

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในช่วงหลังยุค 90 และหลังจากเปลี่ยนจาก ดิวิชั่น 1 เดิมมาเป็น พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 1992-93 ถือว่าเป็นช่วงที่กำลังเดินหน้าไปสู่ยุคใหม่ในแง่ของฟุตบอล หลาย ๆ ทีมเริ่มคว้าดาวเตะชื่อดังจากยุโรปที่มีสไตล์การเล่นและความสามารถแตกต่างจากนักเตะอังกฤษแท้ ๆ มาร่วมทีม

นับจาก เอริค คันโตน่า ที่มาวาดลวดลายศิลปินก่อนกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามมาด้วยบรรดาสุดยอดจอมเทคนิคอย่าง จูนินโญ่ ของ มิดเดิ้ลสโบรช์, เดนนิส เบิร์กแคมป์ กับ อาร์เซน่อล รวมถึง ดาวิด ชิโนล่า ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 1996 โซล่า ก็ย้ายจาก ปาร์ม่า ในอิตาลี มาร่วมทีม เชลซี ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์ และกลายเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์มหัศจรรย์สำหรับ พรีเมียร์ลีก

โซล่า เชลซี

รุด กุลลิท กุนซือ เชลซี ผู้เป็นคนเซ็นสัญญากับ โซล่า พูดถึงการเซ็นสัญญาครั้งนั้นว่า "ผมว่าความสามารถของ โซล่า มันเป็นที่เห็น ๆ กันอยู่แล้ว เขามีเทคนิคสุดยอด และอ่านเกมได้ดีมาก ผมว่ามันเยี่ยมมากสำหรับเราเพราะเขาคือผู้เล่นที่สามารถตัดสินเกมได้ด้วยสายตาเฉียบคมของเขา และเทคนิคความสามารถในการสร้างเกมจากสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรเลย"

ทำให้ฟุตบอลอังกฤษฮือฮาด้วยเทคนิคสุดเหนือชั้น

ก่อนหน้านั้น โซล่า ยังไม่เป็นที่รู้จักของแฟนบอลในอังกฤษมากนัก ทั้ง ๆ ที่ถือว่าเป็นนักเตะตัวท็อปคนหนึ่งของลีก เซเรีย อา ยุคเรืองรอง เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม นาโปลี ชุดที่สร้างตำนานคว้า สคูเด็ตโต้ ร่วมกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ในซีซั่น 1989-90 และหลังจากนั้นก็ย้ายมาสร้างตำนานอีกครั้งกับชุดเทพของ ปาร์ม่า นำทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ในปี 1995 นอกจากนี้เขายังติด ทีมชาติอิตาลี ชุดคว้ารองแชมป์ ฟุตบอลโลก 1994 และเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม อัซซูรี่ ใน ยูโร 96 ด้วย

ขณะที่ตอนย้ายมา เชลซี เขาอายุปาเข้าไป 30 ปี แล้ว เลยแทบไม่จะไม่มีใครคิดว่า โซล่า จะมีอะไรเก่งกาจมากขนาดนั้น ทว่าในเวลาไม่นาน ด้วยเทคนิคการเล่นที่เหนือชั้น ฟรีคิกที่เฉียบคมไม่แพ้ใคร และการจ่ายบอลที่ชาญฉลาด ดาวเตะร่างจิ๋วคนนี้ก็สามารถครองหัวใจของแฟนบอล เชลซี ทุกคน

"ผมมองว่าตัวเองเป็นคนที่วิ่งไปทั่วสนาม แล้วก็ชอบที่จะเปลี่ยนแนวการเล่นตลอดเพื่อสร้างความลำบากให้คู่แข่ง ผมโยกหลอกได้ 2 จังหวะโดยที่ยังทรงตัวได้ดี และผมก็ได้เปรียบกับการตัวเท่านี้ด้วย" โซล่า กล่าวถึงจุดแข็งใจการเล่นฟุตบอลของตัวเอง

เชลซี โซล่า

สำหรับ โซล่า แล้วเขาเคยโชว์ลีลามหัศจรรย์ และลูกยิงสวย ๆ ให้เห็นมากมาย หนึ่งในนั้นคือชอตที่หลายคนคงยังจำได้ ด้วยการหลอกกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด 4 คนขาตาย แล้วเข้าไปยิงจ่อ ๆ ต่อหน้า ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยพูดถึง โซล่า ในตอนนั้นว่า "เขาฉลาดเป็นกรด และเจ๋งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ"

ส่วน ชไมเคิ่ล เองบอกว่า "ผมบอกไม่ถูกเลยว่าเขาจะยิงไปทางไหน เขาเป็นผู้เล่นที่คุณไม่อาจจะรับมือได้ และเขาอ่านเกมได้ไม่เหมือนกับคนอื่น"

สร้างตำนานกับ เชลซี

ในปีแรกของ โซล่า ที่ เชลซี เขาช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และซีซั่นถัดมายิ่งสุดยอดกว่า "สิงห์บลูส์" คว้าแชมป์ ลีก คัพ, คัพ วินเนอร์ส คัพ และตามด้วย ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 

ฤดูกาล 1999-2000 เชลซี ลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก และ โซล่า ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยทีมทะลุเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย อย่างไรก็ตามด้วยวัยที่เริ่มร่วงโรย เขาเริ่มมีโอกาสได้ลงสนามน้อยลงในช่วงที่ จานลูก้า วิอัลลี่ และตามด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี่ เข้ามาคุมทีม

เชลซี โซล่า

ในฤดูกาล 2002-03 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ เชลซี โซล่า กลับคือฟอร์มเก่งอีกครั้ง และยิงได้ถึง 16 ประตูรวมทุกรายการ ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรเป็นการปิดท้่าย ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายกลับไปเล่นกับ กายารี่ ในบ้านเกิด โดยทำผลงานลงเล่นให้ เชลซี รวม 312 เกม ยิงไป 80 ประตู

"เชลซี คือที่ซึ่งผมได้รับทุกอย่างที่เคยฝันมาตั้งแต่ตอนเริ่มเล่นฟุตบอล แฟน ๆ ได้มอบทุกอย่างที่ผมต้องการ พวกเขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้เล่นคนสำคัญ แม้ว่าบางครั้งผมจะเล่นไม่ดี ผมรู้สึกพิเศษตั้งแต่วันแรกที่อยู่กับ เชลซี" โซล่า กล่าวถึงความทรงจำดี ๆ ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์


เกียรติประวัติกับเชลซี

ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ: 1997–98
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ: 1998
เอฟเอ คัพ: 1996–97, 1999–2000
ลีก คัพ: 1997–98
แชร์ริตี้ ชิลด์: 2000

ภาพ AFP

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จานฟรานโก้ โซล่า ครั้งหนึ่งเขาคือราชาแห่ง เดอะ บริดจ์ อัปเดตล่าสุด 9 พฤศจิกายน 2559 เวลา 16:40:32 10,830 อ่าน
TOP