คาโญ่ จูเนียร์ กุนซือทีม ชาเปโคเอนเซ่ ได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ไม่นานว่า เขาคงนอนตายตาหลับแล้วหลังจากนำทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โกปา ซูดาเมริกาน่า
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา กุนซือวัย 51 ปี พร้อมกับลูกทีมอีก 3 คน กลายเป็น 1 ในผู้เสียชีวิต 71 ราย จาก เหตุการณ์เครื่องบินตกที่เมืองเมเดลลิน ประเทศโคลอมเบีย เมื่อวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2559
เรื่องราวของสโมสร ชาโปโคเอนเซ่ นับได้ว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทีมจาก ซานตา กาตาริน่า เพิ่งจะเล่นอยู่ในระดับดิวิชั่น 4 เมื่อปี 2009 แต่จากนั้นภายใน 7 ปีสามารถเลื่อนขึ้นมาเล่นในระดับ เซเรีย อา และหลังจากการเสมอกับ ซาน ลอเรนโซ่ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว พวกเขาก็ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โกปา ซูดาเมริกาน่า ซึ่งน่าจะเป็นเกียรติยศสูงสุดรายการแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
หลังจบเกมรอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่ง ชาโปโคเอนเซ่ เสมอ ซาน ลอเรนโซ่ 0-0 คาโญ่ จูเนียร์ กล่าวว่า "ถ้าพรุ่งนี้ผมต้องตาย ผมก็คงตายตาหลับ"
สำหรับเครื่องบินลำที่เกิดอุบัติเหตุนั้น เป็นเครื่องบินที่จะนำผู้เล่นทีม ชาโปโคเอนเซ่ เดินทางไปลงเตะนัดชิงชนะเลิศเกมแรกกับ อั๊ตเลติโก นาซิอองนาล ของ โคลอมเบีย โดยคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า มีผู้รอดชีวิตเพียง 6 คนจากผู้โดยสารทั้งสิ้น 77 ราย โดยในจำนวนนั้นมีผู้เล่นของทีม 3 คน, สต๊าฟโค้ช, ผู้สื่อข่าวและลูกเรืออีก 1 คน
ด้าน เปเล่ ตำนานดาวเตะชาวบราซิลได้กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า "วงการฟุตบอลบราซิลกำลังโศกเศร้า มันเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต หลับให้สบาย"
เฟซบุ๊คของสโมสร ชาเปโคเอนเซ่ ได้โพสต์ภาพและคลิปเป็นการแสดงความอาลัยเหล่าผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ของทีมที่ต้องจากไปแบบไม่คาดฝันในครั้งนี้
ขณะที่ประธานาธิบดีแห่งบราซิล มิเชล เตเมอร์ ประกาศให้มีการไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน โดยที่มีแฟนบอลของทีมหลายร้อยคนได้พากันไปยังสนาม ชาเปโก้ สเตเดี้ยม เพื่อร่วมพิธีไว้อาลัย
ทั้งนี้หลาย ๆ สโมสรในบราซิลได้แสดงความจำนงที่จะให้ความช่วยเหลือโดยปล่อยนักเตะให้ ชาเปโคเอนเซ่ ยืมตัวเพื่อใช้ลงแข่งขันต่อไป ขณะที่ อั๊ตเลติโก นาซิอองนาล ทีมคู่แข่ง ถึงกับทำเรื่องแจ้งไปยังสหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ ให้มอบตำแหน่งแชมป์ โกปา ซูดาเมริกาน่า ให้กับ ชาเปโคเอนเซ่ เป็นกรณีพิเศษ
ภาพ AFP, facebook.com/TimeChapecoense
