ปิดตัวลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ตลาดซื้อ-ขายนักเตะเดือนมกราคม และถือเป็นการปิดฉากตลาดนักเตะประจำฤดูกาล 2017-18 ลงไปอย่างเป็นทางการอีกด้วย
เราจะพาไปชมบทสรุปการซื้อ-ขายนักเตะของ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2017-18 ซึ่ง อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมที่ทำกำไรได้ดีสุด ๆ ในฤดูกาลนี้ แม้จะมีการใช้จ่ายที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขา
อาร์เซน่อล ใช้เงินไปกว่า 100 ล้านปอนด์สำหรับผู้เล่นใหม่ในช่วงตลาดเปิดทั้ง 2 รอบที่ผ่านมา แต่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของพวกเขายังคงอยู่ที่ 7.6 ล้านปอนด์ และมีเพียง 2 สโมสรใน พรีเมียร์ลีก ที่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยน้อยกว่าทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ในฤดูกาลนี้
ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง ร่วมทัพ ปืนใหญ่ ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ
"ปืนใหญ่" ปิดดีลใหญ่ ๆ อย่างการคว้าตัว อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ 52 ล้านปอนด์ และล่าสุดเป็น ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง 56 ล้านปอนด์ ขณะที่ได้เงินจาการขายดาวดังอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ซึ่งคิดเฉลี่ยแล้วทำให้พวกเขาเป็น 1 ใน 5 สโมสรที่ใช้จ่ายน้อยที่สุดในฤดูกาล 2017-18
ส่วนทาง แมนซิตี้, แมนยู และ เชลซี คือท็อป 4 ของทีมที่คิดเฉลี่ยรวมแล้วใช้จ่ายมากที่สุดในฤดูกาล 2017-18 ส่วน ลิเวอร์พูล แม้ว่าจะซื้อ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ด้วยค่าตัวสถิติโลกของกองหลัง 75 ล้านปอนด์ แต่ก็ได้เงินจากการขาย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มากถึง 145 ล้านปอนด์ ทำให้ "หงส์แดง" มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของพวกเขาอยู่ที่ 10 ล้านปอนด์เท่านั้น
อายเมอริค ลาปอร์ต กลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดของ แมนซิตี้
"เรือใบสีฟ้า" จ่ายเงินไปถึง 282.7 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะใหม่ตั้งแต่ซัมเมอร์จนถึงตลาดหน้าหนาว ทำให้ยอดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของพวกเขาสูงถึง 191.7 ล้านปอนด์
ขณะที่ "ปีศาจแดง" ก็ไม่แพ้กัน พวกเขาใช้เงินไปถึง 145.8 ล้านปอนด์สำหรับนักเตะใหม่ในตลาดทั้ง 2 รอบ ทำให้ยอดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของพวกเขาสูงถึง 127 ล้านปอนด์
แมนยู ไม่ต้องควักเงินสำหรับค่าตัว อเล็กซิส ซานเชซ แต่ก็จ่ายไปเยอะในช่วงซัมเมอร์
ข็อมูลจาก thesun.co.uk
ภาพจาก AFP, twitter.com/Arsenal, twitter.com/sportingintel