การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ได้ดำเนินมาถึงรอบรองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้ 4 ทีมชั้นนำของยุโรปทั้งหมดที่เข้ามาดวลกัน ซึ่งประกอบไปด้วย อังกฤษ, โครเอเชีย, เบลเยียม และฝรั่งเศส
โดยในรอบรองชนะเลิศนั้น เบลเยียม จะพบ ฝรั่งเศส ส่วน อังกฤษ จะดวลกับ โครเอเชีย แน่นอนว่าหลาย ๆ คนคงทราบดีว่า อังกฤษ เคยเป็นแชมป์แล้วมาแล้วในปี 1966 ส่วน ฝรั่งเศส ครองแชมป์ในปี 1998 ขณะที่ เบลเยียม กับ โครเอเชีย ยังไม่เคยสัมผัสเลยสักครั้งเดียว
เช็กความพร้อม 4 ทีมในรอบรองชนะเลิศ
ฝรั่งเศส
ทัพตราไก่ จัดได้ว่าฟอร์มดีสุด ๆ ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม โดยพวกเขาเข้ารอบมาได้ในฐานะแชมป์กลุ่ม ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ผ่าน อาร์เจนตินา 1 ในทีมเต็งแชมป์มาได้ ขณะที่ในรอบ 8 ทีมพวกเขาก็ผ่าน อุรุกวัย มาได้อย่างเด็ดขาดเลยทีเดียว
ฝรั่งเศส พร้อมสุด ๆ ในเกมรุกเพราะว่าทั้ง คีแล็ง เอ็มบ๊าปเป้ หรือว่า อ็องตวน กรีซมันน์ ฟอร์มกำลังขึ้นหม้อแบบสุด ๆ ส่วนแนวรับจัดได้ว่าแข็งแกร่ง แม้ว่า แบ็คซ้าย กับ แบ็คขวา ตัวจริง ต่างพาเหรดกันเจ็บทั้งหมด แต่ตัวสำรองที่ลงมารับงานแทนทั้ง เบนจามิน ปาวาร์ หรือ ลูคัส เอร์นานเดซ ต่างทำผลงานได้อย่างเฉียบขาด แน่นอนว่าชั่วโมงนี้ทัพตราไก่พร้อมสุด ๆ
เบลเยียม
เบลเยียม คือ เยี่ยมยอดจริง ๆ ในฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ พวกเขาโชว์เกมรุกได้อย่างน่ากลัวทีเดียว กระนั้นเกมรับเองก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องอะไร โดยในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกับอังกฤษ ก่อนจะเอาชนะทีมสิงโตคำรามได้ในเกมสุดท้ายพร้อมซิวแชมป์กลุ่ม และในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อโดน ญี่ปุ่น ยิงนำ 2-0 แต่เดชะบุญการเปลี่ยนตัวของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ช่วยให้พวกเขาพลิกนรกกลับมาเอาชนะไปได้ในที่สุด 3-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่วนรอบ 8 ทีมสุดท้าย เบลเยียม ทำให้ บราซิล กลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุกแทบไม่ได้เลยก่อนจะเอาชนะไปชิล ๆ 2-1
แน่นอนว่า โรเมลู ลูกากู, เอแด็น อาซาร์ หรือว่า เควิน เดอ บรอยน์ ต่างทำให้เกมรุกของเบลเยียมดุดันมากจริง ๆ แต่เกมรับนั้น แยน แฟร์ตองเก้น หรือว่า ธิโบต์ คูร์กตัวส์ ต่างก็ลงเล่นได้อย่างมั่นใจทีเดียว
อังกฤษ
การกลับมาเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ของอังกฤษถือว่าเหนือความคาดหมายมาก ๆ เพราะว่าพวกเขาแทบไม่มีนักเตะระดับซุปตาร์ร่วมทีมมาเลย แต่ละรายยังถือว่าใหม่ประสบการณ์แถมอายุน้อย แต่ผลงานกลับแจ่มแมวเกินคาดทะลุมาถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่ในยุคก่อนหน้านี้พวกเขามีซุปตาร์ล้นทีมแต่กลับทำได้เพียงแค่ทีมไม่ประดับเท่านั้น
อังกฤษ ภายใต้การทำทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกท ถือว่าเป็นทีมที่เล่นเกมรุกหลากหลายมากเลยทีเดียว โดยไม่ว่าจะเป็นการบุกริมเส้นแล้วเปิดเข้ากลางหรือว่าทำการในแดนกลางแล้วเจาะขึ้นมา แต่ทีเด็ดในยุคนี้เลยคือลูกเซ็ตพีซที่เฉียบคมสุด ๆ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ นักเตะที่ไม่ได้โด่งดังอะไรกลับแจ้งเกิดกับแท็กติกนี้ได้ย่างยอดเยี่ยม ส่วน แฮร์รี่ เคน ตอนนี้ก็นำโด่งเป็นดาวซัลโวอยู่ที่ 6 ประตู
โครเอเชีย
ยอดทีมตราหมากรุก โชว์ผลงานได้อย่างสุดยอดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นมา โดยทีมชุดนี้ ซลัทโก้ ดาลิช ต่อยอดมาจากฟุตบอลยูโร 2016 แต่ว่ายังมีหัวใจของทีมอยู่ที่แดนกลางอย่าง ลูก้า โมดริช และ อีวาน ราคิติช ส่วนกองหน้าก็มีสายเลือดใหม่อย่าง อันเต้ เรบิช เพิ่มเข้ามา ส่วนหน้าเดิมอย่าง มาริโอ มานด์ซูคิช ยังอยู่ ซึ่งแต่ละคนถือว่าทำผลงานของตัวเองได้เฉียบมาก ๆ
แต่มีสิ่งที่น่ากังวลเหลือเกินกับ โครเอเชีย ในรอบรองชนะเลิศนี้คือ ผู้เล่นหลาย ๆ รายร่างกายเหมือนจะกรอบกันไปหมดแล้ว เนื่องจากว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายพวกเขาก็ต่อเวลายิงจุดโทษ มาในรอบ 8 ทีมก็ยังต้องมาชี้ขาดกับรัสเซียที่การยิงจุดโทษอีก และในช่วงท้ายเกมเห็นได้ชัดว่าผู้เล่นหลาย ๆ เริ่มแย่แล้ว โดยมีเพียงแค่ ลูก้า โมดริช คนเดียวเท่านั้นที่วิ่งได้แบบคึกคักตลอด 120 นาที
ขอบคุณข้อมูลจาก : indianexpress.com
ภาพข่าว : AFP