อเล็กซานเดร กาม่า นายใหญ่ทีมชาติไทยยู-23 ได้ออกมาชี้ว่า ที่ ไทย พ่ายให้ เวียดนาม ไปแบบยับเยินนั้นขอให้ความผิดทุก ๆ อย่างมาลงที่เขาเอง และอย่าไปโทษนักเตะ เพราะว่าแท็กติกที่เตรียมมาตนคิดว่าดีแล้ว แต่ดันใช้ไม่ได้กับเกมนี้ และการเหลือผู้เล่นน้อยกว่าเลยยิ่งทำให้สถานการณ์ลำบากขึ้นไปอีก จากรายงานของ fathailand.org เมื่อ 27 มีนาคม 2562
ในการแข่งขันฟุตบอลยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก นัดสุดท้าย ที่ผ่านมานั้น ผลปรากฎว่า ทีมชาติไทย พ่ายให้ ทีมชาติเวียดนาม ไปแบบขาดลอยถึง 4-0 ซึ่งถือว่าเป็นสกอร์ที่เหลือเชื่อมาก ๆ โดยเกมนี้จุดเปลี่ยนอาจจะมาจากการที่ ศุภชัย ใจเด็ด กองหน้าตัวเก่งมาโดนใบแดงไล่ออก ทำให้เกมของไทยยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ซึ่งทาง กาม่า บอกว่าให้เอาความผิดทั้งหมดมาลงที่เขาได้เลย
อเล็กซานเดร กาม่า กล่าวว่า "ผมเซอร์ไพรส์กับสกอร์ที่ออกมา ต้องขอแสดงความยินดีกับเวียดนามที่เก็บชัยชนะได้ในวันนี้ พวกเขาเล่นได้ดี และยิงได้ถึง 4 ประตู แต่สกอร์ที่ออกมามันเซอร์ไพรส์จริง ๆ เพราะผมคิดว่าโค้ชเวียดนามเองก็ไม่ได้หวังว่าสกอร์จะออกมาห่างขนาดนี้ ครึ่งแรกเราสู้กันได้อย่างสูสี การครองบอลไม่ต่างกัน แต่เราไม่สามารถสร้างโอกาสทำประตูได้ และหาพื้นที่ไม่ได้ ส่วนครึ่งหลังนั้น ภายหลังจากที่เราเหลือผู้เล่นน้อยกว่า เราพยายามควบคุมสถานการณ์ให้ได้ แต่ด้วยการที่มันเป็นเกมระดับสูง มันทำให้เราไม่สามารถควบคุมเกมได้ เราขาดพลัง และทำให้เวียดนามหาพื้นที่ว่างเข้าทำได้"
"ผมขอยอมรับว่ามันเป็นความผิดของผม ไม่ใช่ของนักเตะ เพราะทุกคนเล่นตามแผนที่เราวางไว้แล้ว ที่ผ่านมาแผนของเราออกมาดี แต่ไม่ใช่กับเกมนี้การเหลือผู้เล่นน้อยกว่าเป็นเรื่องที่ยากจะควบคุม แต่ผมเสียดายมากกว่าที่โทษแบนจะส่งผลไปถึงรอบสุดท้าย แน่นอนถ้าผู้เล่นเท่ากันเราน่าจะหาพื้นที่ว่างเล่นเกมโต้กลับได้ ผมไม่สามารถอธิบายอะไรได้มาก เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ บางครั้งเราพยายามเต็มที่แล้ว แต่มันก็ไม่ใช่วันของเรา ซึ่งก็เหมือนกับวันนี้"
"ฟุตบอลมันสามารถเกิดอะไรขึ้นได้เสมอ เราไม่โอเคกับผลสกอร์ที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เราชนะอินโดนีเซียได้ แต่มันไม่ได้แปลว่าเราจะชนะได้ทุกทีม เกมนี้ก็เป็นอีกเกมหนึ่ง ที่เราทำได้สูสีในครึ่งแรก เราควบคุมเกมได้พอสมควร ส่วนช่วงต้นครึ่งหลังเราก็ยังคุมเกมได้ และมีโอกาส ทว่าการเหลือผู้เล่นน้อยกว่าทำให้เกมเปลี่ยนไป แต่เราโทษนักเตะคนเดียวไม่ได้หรอก ผมขอยินดีกับเวียดนามที่พวกเขาชนะ แต่รอมาดูเราอีกครั้งในเดือนมกราคมปีหน้าที่ประเทศไทยแล้วกัน" กุนซือบราซิเลียน ร่ายยาว
ภาพข่าว : facebook.com/changsuek