สำหรับชาว เดอะ ค็อป ทุกคน สัปดาห์นี้คงเป็นช่วงที่กำลังใจจดใจจ่อรอให้ถึงเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ ลิเวอร์พูล จะลงสนามพบกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในคืนวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562
นี่คือนัดชิงชนะเลิศรายการใหญ่ที่สุดของซีซั่นและปีนี้สองทีมจากอังกฤษโคจรมาพบกันเองอีกครั้งโดยที่ต่างก็ต้องการชัยชนะเพื่อการปิดฉากฤดูกาลด้วยความสุขสมหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนหงส์แดงที่คงอยากเห็นทีมรักได้ชูถ้วยบ้าง หลังช่วงซีซั่นที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมแต่ต้องผิดหวังได้แค่รองแชมป์ พรีเมียร์ลีก
และหากจะมีแฟน ลิเวอร์พูล สักคนมาพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงให้ความคิดเห็นต่อศึกสำคัญที่กำลังจะมาถึง บอกได้เลยว่านักแสดงและพิธีกรคนดังอย่าง ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ คือหนึ่งในชาว เดอะ ค็อป ที่จะมาถ่ายทอดมุมมองความรู้สึกของสาวก หงส์แดง ได้อย่างดีเยี่ยม
ป๋อ หรือที่เราเคยเห็นคนในวงการเรียกกันว่า พี่ป๋อ ถือเป็นนักแสดงมากความสามารถที่หลายคนคงเคยเห็นภาพของเขามาตลอดกับการเป็นพระเอกในบทบาทต่าง ๆ แต่นอกจากนั้นในอีกมุมหนึ่ง พี่ป๋อยังแสดงตัวมาตลอดด้วยว่าเป็นกองเชียร์ ลิเวอร์พูล แบบที่เรียกได้ว่าแฟนพันธุ์แท้ของทีมหงส์แดง
และนี่คือโอกาสสุดพิเศษเมื่อ พี่ป๋อ ได้นั่งคุยกับ กระปุกดอทคอม เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อสโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูล แบบที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เป็นการสนทนาภาษาลูกหนังแบบคอบอลแท้ ๆ ทั้งการวิเคราะห์วิจารณ์ทีม หงส์แดง แบบเจาะลึก และการให้มุมมองข้อคิดในฐานะคนที่รักในกีฬาฟุตบอลอย่างแท้จริง ชนิดที่ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลทีมไหนก็ไม่ควรพลาด
- จุดเริ่มต้นของความหลงใหลในทีม ลิเวอร์พูล
พี่ป๋อเริ่มด้วยการเล่าถึงความทรงจำครั้งแรกที่มีชื่อของ ลิเวอร์พูล เข้ามาในชีวิต นั่นก็คือการได้ดูบอลตามคุณพ่อตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเด็กโดยที่ตัวเองก็ยังไม่ได้ถึงกับชื่นชอบและหลงใหลในทีม หงส์แดง ในทันที
"จริง ๆ แล้วความชอบมันก็มาจากธรรมชาติ คือพี่ดูบอลตามพ่อตอนนั้นจำได้ว่าไม่ได้ตั้งใจดูมาก แต่เป็นยุคที่ต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล รุ่งเรืองที่สุดแล้ว ยุค จอห์น บาร์นส์, สตีฟ แม็คมาน, ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์, แกรี่ แอ็บเล็ตต์ แล้วพี่ก็ไปเรียนที่อังกฤษ ที่จริงตอนจบจาก ม.รังสิต ก็ยังไม่ได้คลั่งเต็มตัว ดูบอลก็ขำ ๆ ไปไม่ได้คลั่งแบบตอนนี้"
หลังเรียนจบระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรังสิต พี่ป๋อได้ไปศึกษาต่อที่อังกฤษและนั่นคือโอกาสที่ทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศการเชียร์ฟุตบอลซึ่งเป็นวิถีชีวิตของคนที่นั่นจริง ๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ทั้ง ๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงลอนดอน ในย่านที่ตั้งสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เชลซี แต่ป๋อกลับมีใจรักให้ ลิเวอร์พูล แบบไม่ลังเล
"พอไปเรียนที่อังกฤษตอนนั้นจบมหาวิทยาลัยแล้วก็ไปทำงานอยู่แถว สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็คือในลอนดอนติดกับสนาม เชลซี เลย แล้วเด็ก ๆ ไทยแถวนั้นก็จะได้ตั๋วดู เชลซี บ่อย แต่ทำไมเรารู้สึกไม่อินกับ เชลซี ก็ไม่รู้ ทั้งที่คนแถวนั้นคลั่ง เชลซี มาก แต่เราเริ่มรู้สึกว่าทำไมเราแอบดู ลิเวอร์พูล ตลอด แอบเชียร์ ลิเวอร์พูล ตลอดเวลา"
"จนมีอยู่นัดนึงคือ ลิเวอร์พูล มาเตะที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นี่แหละ แล้วเข้าไปดูแบบต้องอยู่ในดงแฟนบอล เชลซี นะ นั่งอยู่กับกลุ่มแฟนบอล เชลซี ทั้งหมดอ่ะ แล้วจำได้ว่านัดนั้น ลิเวอร์พูล แพ้ ยุคที่ เชลซี มี โซล่า วิอัลลี่ แล้วเราก็เริ่มรู้แล้วว่า เฮ้ย.. เราชอบ ลิเวอร์พูล"
- ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ ขวัญใจในสีเสื้อ หงส์แดง คนแรก
ติดตามเชียร์มานาน เมื่อถามถึงนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่ชื่นชอบมากที่สุด พี่ป๋อก็เลือกชี้ไปที่ เจ้าหลอเล็ก ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ อดีตกองหน้าตัวกลั่นในทีมชุดที่ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้หนสุดท้ายเมื่อฤดูกาล 1989-90
"ผมชอบ เบียร์ดสลี่ย์ ครับ ผมว่าเค้าเหมือนจีเนียส เหมือน เมสซี่ ในยุคนี้ คือนักฟุตบอลเนี่ยมันมีหลายแบบ พวกเล่นด้วยพละกำลัง นักฟุตบอลที่เล่นด้วยสมอง เล่นด้วยเทคนิค ความสามารถเฉพาะตัว บางทีพวกนี้เป็นนักฟุตบอลที่น่ามอง ดูแล้วเพลิน แบบว่าจ่ายได้ไงวะลูกนี้ คิดได้ไง แล้วตอนนั้น เบียร์ดสลี่ย์ นี่จะมีคุณบัติที่เป็นเหมือนมันสมองของ ลิเวอร์พูล เลย เป็นรูปแบบของนักฟุตบอลที่ร่างกายก็ไม่ได้ใหญ่โตก็เหมือน เมสซี่ แหละ ก็เลยชอบ"
- สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไม่ใช่แค่กัปตันทีม แต่คือผู้สร้างแรงบันดาลใจ
ส่วนนักเตะคนสำคัญในยุคหลัง ๆ อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด พี่ป๋อ ไม่ได้ตอบว่าชอบหรือเปล่า แต่บอกเลยว่าแค่มีคำพูดของ สตีวี่จี ประดับอยู่บนผนังที่บ้านเท่านั้นเอง เป็นข้อความว่า "Cut my veins open and I bleed Liverpool red. I love Liverpool with a burning passion." ซึ่ง เจอร์ราร์ด เขียนไว้ในหนังสือชีวประวัติของตัวเอง
"เจอร์ราร์ด นี่พี่มีคำพูด มีรูปของเขาอยู่ที่ผนังบ้านเลยนะที่ว่า Cut my veins open and I bleed Liverpool red คือหมายความว่าถ้าตัดเส้นเลือดเค้าเนี่ย เลือดเค้าจะหลั่งออกมาเป็นสีแดง เป็น ลิเวอร์พูล"
"ผมชอบ เจอร์ราร์ด เพราะว่ามันเป็นธรรมชาติของคนอังกฤษ เจอร์ราร์ด เป็นนักฟุตบอลซึ่งเติบโตมาจากการเป็นเด็กเยาวชน เป็นเด็กท้องถิ่น ซึ่งคนที่ไปอยู่อังกฤษจะรู้ได้เลยว่าเด็กท้องถิ่นจะอินมากกับฟุตบอล แล้วตอนที่เราอยู่ที่อังกฤษเราสามารถซึมซับได้เลยว่าทุก ๆ ครั้งที่มีนักเตะเยาวชนขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่กองเชียร์ที่โน่นเค้าจะสนับสนุนมาก เพราะมันเหมือนลูกเหมือนหลานเค้า นึกออกมั้ย แบบเด็กซอยแถวบ้านไปเรียนฟุตบอลแล้วได้ลงอ่ะ"
"คือพูดง่าย ๆ ว่าคนที่เป็นคนท้องถิ่นจะเอาใจช่วยนักเตะเยาวชน เพราะฉะนั้น เจอร์ราร์ด จะเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ ไม่ใช่เฉพาะของนักฟุตบอลนะแต่เป็นแรงบันดาลใจของคนทั้งสนามเลย เมื่อทุกคนเห็น เจอร์ราร์ด เติบโตขึ้นขึ้นมาจนได้เป็นกัปตันจนนำ ลิเวอร์พูล ไปชนะที่โน่นที่นี่ได้ทุกคนก็จะบอกว่าเพราะว่าเยาวชนคือรากฐานของทีม"
- พูดถึงทีม ลิเวอร์พูล ชุดปัจจุบัน
เมื่อถามว่านักเตะในชุดปัจจุบันนี้ว่าชื่นชอบใครเป็นพิเศษ สองคนแรกที่ พี่ป๋อ พูดออกมาก่อนก็คือ ฟาบินโญ่ กับ นาบี้ เกอิต้า สองกองกลางที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองคนนี้เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองในระยะแรก ๆ ก่อนจะเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในช่วงหลัง ซึ่งป๋อมองว่านั่นเป็นวิธีการจัดการของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ต้องการให้นักเตะที่ย้ายมาใหม่ได้ปรับสภาพร่างกายให้พร้อมกับ พรีเมียร์ลีกซะก่อน
"พี่ชอบ ฟาบินโญ่ พี่รู้สึกว่า ฟาบินโญ่ ต่อไปจะเป็นตัวหลักของ ลิเวอร์พูล เลย จะเป็นระดับที่ขาดไม่ได้ แล้วตัวต่อไปที่พี่กำลังคิดว่าเป็นอนาคตก็คือ เกอิต้า คือนักเตะที่มาจากแต่ละที่สภาพกล้ามเนื้อไม่เหมือนกัน บอลสเปน บอลฝรั่งเศส หรือบอลเยอรมนี แต่มาเจอบอลอังกฤษหนัก ๆ เนี่ยบางทีกล้ามเนื้อไม่ไหว อาจจะต้องฟิตเนสก่อน วิ่งเยอะ ๆ ให้เพิ่มการวิ่งให้อึดขึ้น"
นอกจากนี้ พี่ป๋อ ยังเจาะลึกถึงแนวรุก 3 ประสาน โดยบอกว่าชอบการเล่นของ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ที่มีส่วนสำคัญกับแท็คติกของทีมมาก และเป็นตัวที่คอยช่วยเพื่อนร่วมทีมอย่าง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้เยอะด้วย
"พี่ชอบ เฟอร์มิโน่ พี่ว่านักเตะบราซิลค่อนข้างจะเหมาะกับ ลิเวอร์พูล เฟอร์มิโน่ เป็นนักเตะที่ไม่เห็นแก่ตัวแล้วก็เสียสละ ตำแหน่งที่เค้ายืนนี่เป็นตำแหน่งที่ไม่ถนัดนะ แต่เค้าเล่นได้ เค้าอยากลง แล้ว เฟอร์มิโน่ เป็นนักเตะที่แย่งบอลเก่งมาก คือ คล็อปป์ ต้องการกองหน้าแบบนี้ แบบที่วิ่งเข้าใส่แล้วกองหลังกลัว ดึงจังหวะเก่ง ดึงกองหลังเก่ง ซาล่าห์ ที่ฤดูกาลที่แล้วยิงได้เยอะเพราะ เฟอร์มิโน่ กับ มาเน่ วิ่งทำทางให้ เปิดทางให้ ดึงกองหลังให้ มาเน่ นี่จริง ๆ เล่นขวานะ เสียสละมาเล่นทางซ้ายตำแหน่งที่ตัวเองไม่ถนัดด้วยซ้ำ"
"ฤดูกาลนี้ต้องบอกว่า ซาล่าห์ เห็นแก่ตัวนิดหน่อยอันนี้พูดกันตรง ๆ เพราะเค้าอาจจะกดดันอยากจะทำให้ได้เหมือนเดิม มีเป็น 10 จังหวะนะที่ ซาล่าห์ ควรจะจ่ายแล้วไม่จ่ายดื้อยิงเอง ก็ไม่ว่ากัน คือผมว่าเขาคงถูกบรีฟมากจาก คล็อปป์ ว่ามีจังหวะก็ยิง ผมคิดว่าถ้าโค้ชไม่ด่า ซาล่าห์ ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปด่าเขาใช่มั้ยล่ะ"
โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ กองหน้าที่พี่ป๋อมองว่าสำคัญที่สุดในแนวรุกของ ลิเวอร์พูล
- ปีหน้าอยากให้ ลิเวอร์พูล ซื้อใครมาเสริมทีม
"พี่อยากได้ เดอ ลิกต์ ซึ่งเค้าไม่มาแน่ ๆ ก็ไม่เป็นไร พี่อยากได้ เมมฟิส เด ปาย เพราะ เด ปาย ไม่ประสบความสำเร็จในอังกฤษมาอารมณ์เดียวกับ ซาล่าห์ เลย ถ้ากลับมาอีกครั้งนี้เค้าต้องอยากพิสูจน์ตัวเองแน่นอน วิลเฟร็ด ซาฮา พี่ว่าเค้าเหมาะมากที่จะมาเล่นในตำแหน่งเดียวกับ มาเน่ ในกรณีที่สลับกันลงและกรณีที่เราต้องการผู้เล่นที่เลี้ยงทะลุทะลวง แต่ ซาฮา ก็มีเรื่องเล่นบอลคนเดียวไปนิดนึงและเรื่องพฤติกรรม"
"และ ติโม่ แวร์เนอร์ ที่พี่ชอบแต่พี่เคยดูตอนเล่นทีมชาติเยอรมนีก็ดูยังไม่ค่อยเก่ง แต่คิดว่าน่าจะเป็นลักษณะที่ คล็อปป์ ชอบ เพราะเป็นเยอรมันเหมือนกันมีความเร็ว"
- เจอร์เก้น คล็อปป์ ผูู้จัดการทีมผู้เข้ามาเปลี่ยน ลิเวอร์พูล สู่ความสำเร็จ
นอกไปจากบรรดานักเตะแต่ละคนในทีมแล้ว คนที่พี่พี่ป๋อชื่นชมและยกย่องมากที่สุดตอนนี้ก็คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมนี และที่ผนังบ้านของพี่พี่ป๋อ ก็มีคำพูดของกุนซือคนนี้อยู่ด้วยเช่นกัน กับประโยคที่ว่า "We have to change from doubter to believer" ซึ่งเป็นคำพูดที่ คล็อปป์ ที่ฝากไปถึงเหล่า เดอะ ค็อป ในการให้สัมภาษณ์หลังจากเข้ารับตำแหน่งที่ แอนฟิลด์
"ที่ผนังบ้านพี่เขียนเลย "We have to change from doubter to believer" อันนี้โดนใจพี่มาก doubter คือคนที่ยังสงสัยในตัวเอง believer คือคนที่มีความเชื่อ คือโค้ชลักษณะแบบนี้เราชอบ ชอบที่เค้ามีส่วนร่วมกับกองเชียร์ มีส่วนร่วมกับฝูงชนซึ่ง ลิเวอร์พูล มีจุดเด่นตรงนี้อยู่แล้ว แล้วพอ คล็อปป์ มานี่พี่ดีใจมากแล้วครั้งแรกที่เค้าให้สัมภาษณ์นี่พี่สตั๊นเลย"
สิ่งที่พี่พี่ป๋อชื่นชม คล็อปป์ อย่างยิ่งก็คือการเปลี่ยน ลิเวอร์พูล ให้กลายเป็นทีมที่พร้อมจะกลับสู่เส้นทางของความสำเร็จได้จริง ๆ
"คือ แอนฟิลด์ ตอนนี้กลายเป็นสนามที่น่ากลัวไปแล้ว เมื่อก่อนเคยได้ยินมั้ยคำว่าทีมไหนก็ชนะ ลิเวอร์พูล ได้ ซัก 4-5 ปีที่แล้วนี่เอง วัตฟอร์ด คริสตัล พาเลซ ใครก็มาชนะที่ แอนฟิลด์ ได้ เล่นในบ้านหรือในบ้านค่าเท่ากัน นำ 1-0 ไม่ได้น่ากลัวเลย จบไม่ลง โดนตีเสมอนาทีสุดท้าย"
- นัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ลิเวอร์พูล v สเปอร์ส วิเคราะห์ ฟันธงแบบถึงกึ๋น
มาถึงเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ พี่พี่ป๋อ มองถึงคู่แข่งอย่าง สเปอร์ส ว่าตัวที่น่ากลัวที่สุดน่าจะเป็น ซอน เฮือง-มิน กองหน้าจอมพลังทีมชาติเกาหลีใต้ ขณะที่ดาวยิงกัปตันทีมอย่าง แฮรี่ เคน อาจจะมีปัญหาเรื่องความฟิตและมั่นใจว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เอาอยู่
"ถ้า เคน ฟิตน่ากลัวที่สุด แต่ถ้า เคน ไม่ฟิตพี่ว่า ซอน น่ากลัวที่สุด ส่วน ลูคัส มูร่า เนี่ย พี่ว่า อาแจ็กซ์ ประมาทไปเอง มูร่า เนี่ยเลยจุดที่ดีที่สุดไปแล้ว เมื่อก่อนนี่เป็นนักเตะบราซิลที่ยิงคมมาก เมื่อก่อนเทคนิคดีมากนะแต่พอมาเจอบอลหนัก ๆ ก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ฉะนั้นคนที่พี่กลัวทั้งคมทั้งเร็วคือ ซอน"
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วพี่พี่ป๋อยังมั่นใจว่านาทีนี้ ลิเวอร์พูล เจอกับ สเปอร์ส เมื่อไหร่ก็มักจะเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าเหมือนบอลที่แพ้ทางกัน และที่สำคัญความได้เปรียบอย่างยิ่งสำหรับ ลิเวอร์พูล เลยก็คือการได้ผ่านประสบการณ์ลงเล่นนัดชิงมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ สเปอร์ส นี่คือการเข้าชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเลย
"ถ้าสังเกตดี ๆ มันเหมือนบอลแพ้ทางกันอยู่ สเปอร์ส นี่เก่งให้ตายยังไงก็.. พี่ก็ไม่อยากออกตัวมากนะ แต่ดูอย่างนัดล่าสุดที่เจอกัน ฮูโก้ ยอริส อยู่ดี ๆ ยังทำบอลหลุดมือมาเข้าทาง ซาล่าห์ เฉยเลย เหมือน ลิเวอร์พูล กับ แมนยู สมัยก่อน"
"ถ้าถามว่ามั่นใจมั้ย ตอนนี้เราก็พร้อมเต็มที่นะแต่บอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ข้อสำคัญมันอยู่ตรงนี้มากกว่า ลิเวอร์พูล ชิงมาแล้วปีนึง สเปอร์ส ไม่เคยมีประสบการณ์เล่นนัดใหญ่ขนาดนี้ ก็เหมือนกับตอนที่ ลิเวอร์พูล เจอกับ เรอัล มาดริด เมื่อปีที่แล้ว เล่นกันไม่เป็นรูปเป็นภาษาเลย คาริอุส ก็เปิดบอลให้ให้ เบนเซม่า ซะอย่างนั้น นั่นคือประสบการณ์ คือความนิ่ง ฉะนั้นความได้เปรียบของ ลิเวอร์พูล ไม่ได้อยู่ที่ขุมกำลังแต่อยู่ที่เคยผ่านนัดชิงมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ถามว่าตัวผู้เล่นสูสีกันมั้ย พี่ว่า สเปอร์ส ชุดนี้ก็เป็นชุดที่ดีที่สุดของเขาแล้วละ โชคดีนะที่ อัลลี่ กำลังฟอร์มตกด้วย"
แฮรี่ เคน ดาวยิงกัปตันทีมของ สเปอร์ส ที่ป๋อคิดว่าหากฟิตเต็มร้อยจะน่ากลัวมาก
- ตัวอย่างของการเป็น เดอะ ค็อป ตัวจริง เชียร์ ลิเวอร์พูล ด้วยศรัทธาและความเชื่อ
เรื่องน่าสนใจอย่างยิ่งในการสนทนาครั้งนี้ก็คือการที่พี่พี่ป๋อเปิดเผยถึงวิธีคิดและทัศนคติในฐานะของแฟนบอล ลิเวอร์พูล
"พี่เป็นนักดูบอลนะพี่ไม่ใช่นักฟุตบอล ตั้งแต่อยู่อังกฤษพี่สถาปนาตัวเองดูบอลจริง ๆ แล้วประมาณ 2-3 ปีหลังเนี่ยถามภรรยาได้พี่ดู ลิเวอร์พูล เกือบทุกนัดถึง 98 เปอร์เซ็นต์ นอกจากว่าทำงานบอลเตะตี 3 ไม่ไหวจริง ๆ แต่ฤดูกาลนี้ถึงทำงานก็ยังดู นัดกับ บาร์ซ่า เตะตี 2 ก็ลงมาดูครึ่งหลัง เพราะนัดทำงานต้องออกจากบ้านตี 5 ครึ่ง"
"พี่ไม่เคยถอดใจเลย ถ้าไปดูอินสตาแกรมพี่จะรู้เลยว่าพี่ไม่เคยถอดใจ คือพี่อยู่กับ ลิเวอร์พูล การอยู่กับ ลิเวอร์พูล เหมือนดูหนังดราม่า เดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็ดีใจเหมือนคนบ้า แล้วบอล ลิเวอร์พูล ไม่เหมือนบอล แมนยู ในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน"
"การแสดงออกของความรักมันไม่เหมือนกัน พี่ดูฟุตบอลมาในระดับหนึ่งเท่านั้นเอง ถามว่า ลิเวอร์พูล ในประวัติศาสตร์เป็นยังไงหรือเรื่องในสมัย บ็อบ เพรสลี่ย์ พี่อาจจะไม่ได้ถึงขนาดนั้นด้วยซ้ำ แต่ถ้าเริ่มตั้งแต่ยุค แม็คมาน มาละก็เอาละเราเริ่มเริ่มสะสมความรัก สะสมความเชื่อ สะสมศรัทธาในทีม"
"คือเราเชื่อในตัวคล็อปป์ เราเชื่อในทีม เชื่อในบุคลิกของทีมว่าเรามาถูกทาง ต่อให้ปีนี้ไม่ได้แชมป์อะไรเลย พี่ก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย พี่ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยที่เราไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก เพราะว่า แมนซิตี้ เค้าดีจริง ๆ เราพูดกันมาตั้งแต่ 13 นัดก่อนจบฤดูกาลว่าถ้าชนะได้หมดก็เอาแชมป์ไปเลย แล้วเค้าเก่งจริง”
"3 ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เก่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำแต้มได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแพ้ยากขึ้น ชนะทีมใหญ่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วไม่ใช่แค่ในอังกฤษ ลิเวอร์พูล ไปชนะ บาเยิร์น มาแล้ว ชนะ บาร์ซ่า มาแล้ว ทีมเราดีขึ้นจริง ๆ แล้วถ้าปีหน้าเกิดมีศูนย์หน้าเก่ง ๆ มาอีกซักคน กองหลังเก่ง ๆ กับปีกจี๊ด ๆ ขึ้นมาอีกซักคน ทีมจะดีขนาดไหน"
- เชียร์ฟุตบอลด้วยความรัก เพราะฟุตบอลคือความสุขในชีวิต
ปิดท้ายด้วยมุมมองของพี่พี่ป๋อ ที่บอกได้เลยว่านี่คือข้อคิดที่ดีสำหรับคนรักฟุตบอลทุกคน เพราะฟุตบอลคือเกมกีฬา เป็นสิ่งที่สร้างความสุข ฟุตบอลไม่ควรจะเป็นสิ่งที่สร้างความทุกข์ให้กับใคร ไม่ว่าจะเป็นคนอื่นหรือตัวเองด้วย
"คือผมกำลังจะพูดแบบนี้นะ ไม่ว่าจะได้แชมป์หรือไม่ได้แชมป์ไม่ได้มีความสำคัญกับผมเลยเพราะว่าผมได้เห็นทีมพัฒนาขึ้นมากภายใน 3 ปีมานี้ ผมได้เห็นแกนหลักของทีมที่ชัดเจน ได้เห็นกองเชียร์ที่กลับมามีพลังเหมือนเดิม แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือ ลิเวอร์พูล ได้สร้างตัวเองในเวทียุโรป ให้ทีมในยุโรปได้เห็นว่า แอนฟิลด์ น่ากลัวขนาดไหน"
"สิ่งที่พี่เรียนรู้จากอังกฤษคือการยอมรับว่าเค้าเก่งกว่าก็คือเก่งกว่า เค้าดีกว่าก็ต้องชมเค้า การเชียร์บอลน่ะการ respect สำคัญ เพราะฉะนั้นธรรมชาติการเชียร์ฟุตบอลไม่ว่าจะเป็น แมนยู ลิเวอร์พูล ก็ต้อง respect กัน แมนซิตี้ ก็ต้อง respect ว่าเค้าทำได้ดีขนาดไหน คุณไม่ต้องเอาเรื่องเงินมาอ้างหรอก คือบอลมันก็มีกติกาในเมื่อทุกคนมาเล่นในกติกาเดียวกันเขามีสิทธิ์ที่จะซื้อก็เรื่องของเขา"
"เพราะฉะนั้นคำว่า respect มันคือสิ่งที่แฟนบอลควรจะเรียนรู้ ว่าการเคารพในความชอบหรือ passion ของคนอื่นมันคือจินตนาการของความสุขที่มันห้ามกันไม่ได้ การดูบอลทุกคนมีความสุขอยู่แล้ว คุณเชียร์ทีมฟุตบอลที่คุณรักมันก็คือความสุขของคุณก่อนนอน ความสุขในยามเช้าที่คุณมาคุยโม้กับเพื่อนที่ทำงาน ความสุขตอนที่คุณไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ แล้วคุณก็คุยโม้เรื่องทีมของคุณ แต่เราไม่ทำร้ายกัน ไปโพสต์ด่ากันไปมาถึงขึ้นท้าตีท้าต่อย ผมว่าฟุตบอลมันก็คือฟุตบอล ใครได้แชมป์ไม่ได้มีผลอะไรกับครอบครัวสกิดใจเลย ลิเวอร์พูล ได้แชมป์เราก็ไม่ได้ตังค์เพิ่ม ฉะนั้นมองให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนหนึ่งซึ่งสร้างความสุขในใจให้เรา"
ขอขอบคุณ ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ
ภาพจาก อินสตาแกรม poh_natthawut, AFP