แมนยู v ลิเวอร์พูล : 5 เหตุผลที่ศึกแดงเดือดหนนี้ผีไม่ต้องกลัวหงส์

        ช่วงสัปดาห์ฟุตบอลทีมชาติผ่านไปศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และลีกยุโรปก็ได้เวลากลับมาบรรเลงเพลงแข้งกันอีกครั้ง และครั้งนี้อาจจะเป็นช่วงเบรกทีมชาติที่แฟน ปิศาจแดง ไม่อยากให้ผ่านไปเลยเพราะเกมลีกที่รออยู่คือศึกแดงเดือดที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2562

        ใคร ๆ ก็รู้ว่าการเจอกันระหว่าง แมนยู กับ ลิเวอร์พูล ในแต่ละครั้งจะถูกยกให้เป็นเกมฟุตบอลที่น่าสนใจมากที่สุดในรอบปีไปโดยปริยาย จากการที่ทั้งสองทีมต่างก็เป็นสโมสรที่มีแฟนบอลมากที่สุดทั่วโลก 

        และด้วยเกียรติประวัติทั้งหลายทั้งปวง ประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองทีมห้ำหั่นกันมานักต่อนัก ศึกผี-หงส์ หรือจึงกลายเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีที่บางครั้งดีกรีการแข่งขันเข้มข้นมากเกินไปกว่าเกมฟุตบอลธรรมดา เรียกว่าคู่นี้เจอกันเมื่อไหร่ก็ยากที่จะคาดเดาได้ว่าผลการแข่งขันจบแบบไหน หลาย ๆ ครั้งการแพ้-ชนะมันตัดสินกันแค่เสี้ยววินาที

แมนยู ลิเวอร์พูล
ขึ้นชื่อว่าศึกแดงเดือดมีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นเสมอ

        อย่างไรก็ตาม สำหรับศึกแดงเดือดรอบนี้อาจจะต่างจากทุกครั้งเมื่อดูจากสถานการณ์ของทั้งสองทีมที่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน แมนฯ ยูไนเต็ด เจ้าบ้านอยู่ในช่วงฟอร์มตกต่ำดำดิ่ง เปิดฤดูกาลมาเข้าเดือนที่ 3 แล้วทีมยังหาทรงการเล่นไม่เจอ ลงเล่นกับใครแต่ละนัดก็ทำเอาแฟนผีได้แต่ถอนหายใจ

        ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงกับทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่ยังคงสานต่อความสำเร็จสุดยอดจากเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ด้วยความยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ด้วยการเดินหน้าเก็บชัยชนะรวดมาแล้ว 8 นัดในเกมลีก ยืนเด่นเป็นจ่าฝูงอย่างภาคภูมิ แถมยังแสดงให้เห็นศักยภาพในการเอาชนะคู่แข่งได้ทั้งในเกมที่ไล่ถล่มคู่แข่ง และเกมที่เล่นไม่ดีแต่มีทีเด็ดพิชิต 3 แต้ม

        นั่นคงทำให้ทั้งแฟนแมนยู แฟนลิเวอร์พูล หรือแฟนทีมอื่นมองเหมือน ๆ กันว่าเกมนี้อาจจะไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์เพราะไม่ว่าจะดูุมุมไหน ปิศาจแดง ก็ไม่น่าจะต้าน หงส์แดง ได้ ยิ่งล่าสุดข่าวยืนยันแล้วด้วยว่าทั้ง ปอล ป็อกบา กับ ดาบิด เด เคอา จะไม่ได้ลงเล่นแน่ ๆ

        อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ talksport.com ได้นำเสนอสถิติน่าสนใจที่บ่งบอกว่าเกมนัดนี้ผลที่จะออกมาอาจจะไม่แน่เสมอไป และ แมนยู อาจจะไม่จำเป็นต้องกลัว ลิเวอร์พูล เลยด้วย


เหตุผล 5 ข้อที่ แมนยู จะไม่แพ้ ลิเวอร์พูล ใน ศึกแดงเดือด นัดนี้


1. เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่เคยชนะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

        นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไม่สามารถนำทีมบุกมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ผลงานที่ผ่านมาคือ เสมอ 3 แพ้ 1 นั่นหมายความว่า แม้ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อาจจะไม่ใช่สนามที่น่าเกรงขามสำหรับทีมอื่น ๆ อีกต่อไป แต่สำหรับ คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูล สนามแห่งนี้อาจจะยังเป็นสังเวียนที่น่ากลัวอยู่เหมือนเดิม
 

2. โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ยังไม่เคยยิงประตู แมนยู ได้ในเกม พรีเมียร์ลีก

        แม้จะมีสถิติผลงานการสังหารประตูที่ยอดเยี่ยมตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่สำหรับการลงเล่นกับ แมนยู มาทั้งหมด 4 ครั้งในเกม พรีเมียร์ลีก โม ซาล่าห์ ยังไม่เคยยิงประตูหรือเปิดป้อนให้เพื่อนยิงได้เลย โดยถ้าไล่ดูรายชื่อคู่แข่งทั้ง 25 ทีมที่ ซาล่าห์ ลงแข่งขันด้วย มีแค่ สวอนซี กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แล้วก็ แมนยู นี่แหละที่ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ยังไม่เคยสอยตาข่ายได้สำเร็จ

แมนยู ลิเวอร์พูล
โม ซาล่าห์ จะปลดล็อกยิง แมนยู ได้หรือเปล่า ?

3. เกมลีกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 5 นัดหลังสุด แมนยู ก็ไม่เคยแพ้ ลิเวอร์พูล 

        นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถิติที่ยอดเยี่ยมทีมเดียวสำหรับ แมนยู เมื่อย้อนกลับไปใน 5 ซีซั่นหลังสุด การเปิดบ้านรับ ลิเวอร์พูล ในเกม พรีเมียร์ลีก ปิศาจแดง เป็นฝ่ายเอาชนะได้ถึง 3 ครั้ง เสมอกัน 2 นัด นี่อาจจะบอกได้ว่า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ใช่สนามที่ ลิเวอร์พูล จะบุกมาเล่นได้ง่าย ๆ 
 

4. มาร์คัส แรชฟอร์ด จอมล่าตาข่ายบิ๊ก 6

        แม้ว่าจะฟอร์มฝืดไปบ้างในฤดูกาลนี้ตามผลงานของทีม แต่เกมล่าสุดที่ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ มาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมายิงได้อีกครั้งและนั่นอาจจะกลายเป็นการติดเครื่องคืนฟอร์มเก่ง ซึ่งจากสถิติการยิงประตูได้ทั้งหมด 30 ลูกในเกม พรีเมียร์ลีก ในจำนวนนั้น 10 ประตูเป็นการยิงคู่แข่งกลุ่มบิ๊ก 6 รวมถึงประตูชัยที่ยิงให้ แมนยู ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในฤดูกาล 2017-18 ด้วย
 

5. การกลับมาของแบ็กตัวจริง

        แน่นอนว่าการขาด ป็อกบา กับ เด เคอา คือความเสียหายร้ายแรงสำหรับ แมนยู แต่ในเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะได้ ลุค ชอว์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็กซ้ายและแบ็กขวาตัวจริงกลับมาลงสนามได้อีกครั้งหลังจากที่ทั้งคู่เจ็บไปนาน และนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายนัดที่ผ่านมาทีมยังหาฟอร์มเก่งไม่ได้ การมีฟูลแบ็กตัวจริงสองคนกลับมาลงเล่น อาจจะเพิ่มศักยภาพเกมรุกและเกมรับให้เพิ่มขึ้นหลายเท่าก็เป็นได้

แมนยู ลิเวอร์พูล
มาร์คัส แรชฟอร์ด เคยยิงประตู ลิเวอร์พูล มาแล้ว

เนื้อหาจาก talksport.com

ภาพ AFP

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แมนยู v ลิเวอร์พูล : 5 เหตุผลที่ศึกแดงเดือดหนนี้ผีไม่ต้องกลัวหงส์ อัปเดตล่าสุด 19 ตุลาคม 2562 เวลา 17:21:15 44,157 อ่าน
TOP