ปิศาจแดง แมนยู, ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล และ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี สามทีมยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ลีก เตรียมเปิดศึกกันอีกครั้งในการแย่งชิงตัว เอสเตเฟา วิลเลี่ยน ไอ้หนูวันเดอร์คิดชาวบราซิเลียนเจ้าของฉายา เมสซินโญ่
รายงานข่าวจากสื่อฟุตบอลในอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2567 เปิดเผยว่า ทั้ง แมนยู, อาร์เซน่อล และ เชลซี ต่างก็ต้องพร้อมใจกันจับตามองดาวโรจน์รายนี้ หลังจากทำผลงานโดดเด่นในทีมเยาวชนของ พัลไมรัส จนถูกดันขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของสโมสรด้วยวัยแค่ 16 ปี โดยเป็นที่กล่าวขานกันว่าไอ้หนู เอสเตเฟา มีเทคนิคความสามารถในการกระชากลากเลื้อยที่เหลือเชื่อ ในแบบเดียวกันกับ ลิโอเนล เมสซี่ สุดยอดดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์เลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ในเมื่อฉายแววเก่งกาจขนาดนี้ ย่อมไม่ใช่แค่ทีมจาก พรีเมียร์ลีก เท่านั้นที่สนใจ เอสเตเฟา แต่ยังมียักษ์ใหญ่ของยุโรปทั้ง เปแอสเช กับ บาร์เซโลน่า ก็รอดูสถานการณ์ของตัวนักเตะอยู่ตลอดเหมือนกัน
และยิ่งไปกว่านั้น ตัวนักเตะเองก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้แล้วด้วยว่า สโมสรในฝันของตัวเองก็คือทีม "เจ้าบุญทุ่ม" โดยกล่าวว่า "ความฝันของผมก็คือการเล่นให้ บาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในโลก เกิดมาผมก็ได้ดู เนย์มาร์, เมสซี่, (หลุยส์) ซัวเรซ เล่นให้ บาร์เซโลน่า และนั่นคือฝันของผม"
"ผมดูเกมของ บาร์ซ่า เกือบทุกแมตช์ ผมเป็นแฟนของพวกเขา ผมชื่นชอบผู้เล่นของพวกเขาหลาย ๆ คน และผมหวังว่าจะได้ไปเล่นที่นั่นบ้าง ใช่แล้ว มันเป็นความฝันเลย"
อย่างไรก็ตาม เอสเตเฟา มีมูลค่าการฉีกสัญญากับ พัลเมรัส สูงถึง 51 ล้านปอนด์ และหากจะสู้กันด้วยเม็ดเงิน ก็ถือว่า 3 ทีมใน พรีเมียร์ลีก ยังไม่ได้หมดลุ้นเสียทีเดียว
สำหรับ เอสเตเฟา เคยโชว์ฝีเท้าในเวทีนานาชาติมาแล้วเมื่อครั้งร่วมทีมแซมบ้าชุดเล็กมาลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ ฟีฟ่า ยู-17 ชิงแชมป์โลก 2023 เมื่อปีก่อน โดยยิงไป 3 ประตู
ภาพ AFP
เนื้อหาจาก thesun.co.uk