
หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือมือเก๋าชาวดัตช์ ออกโรงแสดงความเห็นถึงทีมเก่า แมนยู เกี่ยวกับเรื่องนโยบายการซื้อขายนักเตะ โดยวิจารณ์แบบตรงไปตรงมาว่าการทำงานในตลาดนักเตะนั้นไม่ได้เรื่องเลย โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งร่วมลีกอย่าง ลิเวอร์พูล ทั้ง ๆ ที่ ปิศาจแดง มีมูลค่าและศักยภาพในแง่ของการตลาดสูงมาก
ฟาน กัล วัย 73 ปี กล่าวว่า "พวกเขาเป็นสโมสรที่เน้นธุรกิจ ไม่ใช่สโมสรฟุตบอล ผมเคยพูดแบบนี้มาแล้วว่ามันยากแน่นอนถ้าผู้จัดการทีมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจว่าจะซื้อผู้เล่นคนไหนมาร่วมทีม มันยิ่งยากมาก"
"ผมคิดว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น เพราะคุณสามารถปลดผู้จัดการทีมได้เลยถ้าผลบอลมันออกมาไม่ดี แต่เมื่อคุณให้คนอื่นเป็นคนซื้อผู้เล่น มันก็มีปัญหาแหละ คุณจำเป็นต้องมีความรู้แบบผู้จัดการทีม และต้องมีทักษะการจัดการแบบผู้จัดการทีมเพราะคุณจะต้องเป็นคนฝึกซ้อมให้นักบอล"
ฟาน กัล ยังยกเอากรณีของ อาร์เน่อ สล็อต กับ ลิเวอร์พูล มาเป็นตัวอย่างด้วยว่า "อาร์เน่อ เป็นคนที่จะบอกกับผู้จัดการฝ่ายเทคนิคให้เขาซื้อผู้เล่นคนไหน ตรงนี้แหละที่ต้องสนใจกัน"
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 ฟาน กัล เคยเล่าถึงประสบการณ์ที่ตนเองเจอมาในการคุมทีม แมนยู ว่า "แมนยู ตอนนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติของทีมที่จะเป็นแชมป์เลย แล้วก็มีผู้เล่นที่ไม่พร้อมจะสู้ 10 คนอายุมากกว่า 30 และอีก 5 คนอายุเกิน 35 ฉะนั้นผมเลยบอกพวกเขาว่าผมจะเข้ามายกเครื่องทีมใหม่พร้อมกับแจ้งไปว่าอยากได้ใคร แต่ผมไม่ได้ผู้เล่นตามที่ขอเลยสักคน"
"จากนั้นคุณก็ลงเอยแบบคนละเรื่องและในฐานะโค้ชคุณต้องปะฉะดะ คุณไม่ได้นึกว่าจะมาเจออะไรแบบนั้นที่สโมสรที่รวยที่สุดในโลก"
"จากนั้นคุณก็ลงเอยแบบคนละเรื่องและในฐานะโค้ชคุณต้องปะฉะดะ คุณไม่ได้นึกว่าจะมาเจออะไรแบบนั้นที่สโมสรที่รวยที่สุดในโลก"
"ด้วยผลประกอบการปีละ 600 ล้านปอนด์ แต่คุณกลับไม่สามารถซื้อผู้เล่นที่ต้องการได้ คุณควรได้คนที่เป็นตัวเลือกแรกแต่ที่ได้มากลับเป็นตัวเลือกที่ 7 เอาละสโมสรที่จะขายเราก็คงต้องคิดว่า ถ้าแกรวยนัก เวลาจะซื้อผู้เล่นแกก็ต้องจ่ายหนักที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับการซื้อผู้เล่นหลาย ๆ เคส"
"ที่สุดแล้วคุณก็ได้ผู้เล่นตัวเลือกอันดับ 7 หรือ 8 โดยที่จริง ๆ แล้วต้องจ่ายเงินมากเกินกว่าที่ควรซึ่งนั่นกลายเป็นสิ่งที่ตัดสินการทำงานของโค้ชด้วย" ฟาน กัล ร่ายยาว
สำหรับ ฟาน กัล ซึ่งคุมทีม แมนยู อยู่ 2 ซีซั่น สามารถพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในฤดูกาล 2015-16
ภาพ AFP