สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ออกมาเปิดเผยแบบตรงไปตรงมาถึงสาเหตุที่ทำให้ ทีมชาติอังกฤษ ในยุคทองของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า โดยยอมรับว่าตัวเขา และเพื่อนร่วมทีมในเวลานั้นต่างเต็มไปด้วยอีโก้
อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ผู้ลงเล่นล่าผลบอลไปถึง 114 นัด และสวมปลอกแขนกัปตัน 38 เกม เปิดใจผ่านรายการของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ว่าความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างนักเตะจากสโมสรใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล, แมนยู, และ เชลซี เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ สิงโตคำราม ล้มเหลวในยุคที่มีนักเตะระดับโลกมากมาย "ผมคิดว่าพวกเราทุกคนล้วนเป็นพวกขี้แพ้ที่เห็นแก่ตัว"
.jpg)
"ตอนนี้ผมเห็น คาร์ราเกอร์ นั่งคุยกับ สโคลส์ หรือ แกรี่ เนวิลล์ เหมือนเป็นเพื่อนกันมา 20 ปี แต่ตอนนั้นเรากลับไม่เคยพูดคุยกันจริงจังเลย ทั้งที่เล่นด้วยกันในทีมชาติเป็นสิบปี และตอนนี้ผมอาจจะสนิท และเป็นมิตรกับคุณ (เฟอร์ดินานด์) มากกว่าตอนที่ผมเล่นกับคุณมา 15 ปีเสียอีก"
"แล้วทำไมตอนอายุ 20, 21, 22, 23 เราถึงไม่สนิทกัน ? เป็นเพราะอีโก้หรือความเป็นคู่แข่งกัน ทำไมตอนนี้พวกเราถึงโตพอแล้ว และอยู่ในช่วงชีวิตที่ใกล้ชิด และสนิทกันมากขึ้น ? ทำไมตอนนั้นพวกเราถึงไม่สนิทกันในฐานะเพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษล่ะ ? และผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมภายในอังกฤษ เราไม่ใช่ทีม เราแค่เป็นกลุ่มนักเตะที่มีพรสวรรค์ แต่ไม่เคยมีความเป็นทีม"
.jpg)
เจอร์ราร์ด ยังยอมรับว่าเขาไม่มีความสุขกับช่วงเวลาหลายปีในบ้านผลบอลทีมชาติ และรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้อยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความแบ่งแยก "ผมเกลียดมัน ผมไม่สนุกเลย ผมเกลียดห้องพักในโรงแรมมาก ช่วงแรก ๆ ที่ติดทีมชาติ มันมีวันที่รู้สึกหดหู่ เคยหมกตัวอยู่ในห้องพักต่ำ ๆ เจ็ดชั่วโมงได้"
"ผมเคยรักการแข่งขัน ผมเคยรักการเล่นให้ ทีมชาติอังกฤษ ผมภูมิใจมาก ผมเคยสนุกกับการฝึกซ้อม แต่มันเป็นแค่ 90 นาทีต่อวัน และหลังจากนั้นผมก็อยู่คนเดียว ผมไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของทีม ผมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับเพื่อนร่วม ทีมชาติอังกฤษ เลย"
ข้อมูลจาก thesun.co.uk/sport
ภาพจาก AFP
