ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018-19 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ กำลังจะมาถึงในค่ำวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2562
นี่คือเกมที่แฟนบอลทั่วโลกต่างรอคอย โดยปีนี้เป็นอีกครั้งที่สองทีมจากอังกฤษมาเจอกันเอง ลิเวอร์พูล จะเล่นเกมนัดชิงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันหลังจากปีก่อนพลาดท่าผิดหวังจากการแพ้ต่อ เรอัล มาดริด และสำหรับ สเปอร์ส นี่คือเกมสุดสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเขาเช่นกัน เพราะเป็นการเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรก เป็นโอกาสที่ทีม ไก่เดือยทอง จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่
ซึ่งหลังจากที่เราได้ นั่งคุยกับแฟน ลิเวอร์พูล อย่าง ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ ที่มาสนทนาในมุมของ เดอะ ค็อป ไปแล้ว คราวนี้เราจะได้พูดคุยแบบ Exclusive อีกครั้งกับสาวก ไก่เดือยทอง พันธุ์แท้อีกคนหนึ่งอย่าง อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี หรือ บอย พีซเมคเกอร์ นักร้องคนดังเจ้าของบทเพลงรักโดนใจมากมาย
เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ บอย พีซเมคเกอร์ สร้างสรรค์บทเพลงดี ๆ หลายต่อหลายเพลงให้เราได้ฟังมาอย่างต่อเนื่อง และนอกจากภาพของนักร้องเสียงคุณภาพที่เราได้เห็น ในตัวตนอีกมุมหนึ่งของเขาคือแฟนบอลผู้ชื่นชอบในเกมลูกหนังคอยติดตามเชียร์ทีมรัก สเปอร์ส มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเรียน
และก่อนที่ สเปอร์ส ได้ลงเล่นในเกมสุดสำคัญนัดนี้ บอย พีซเมคเกอร์ ได้พูดคุยกับ กระปุกดอทคอม ถึงมุมมองความรู้สึกของตัวเองในฐานะสาวกไก่เดือยทอง แบบที่ไม่ค่อยจะได้เปิดเผยที่ไหนมาก่อนเช่นกัน
- ครั้งแรกในความทรงจำกับชื่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
บอย เริ่มต้นด้วยการนึกถึงช่วงเวลาครั้งแรก ๆ ที่ทำให้กลายมาเป็นแฟนบอลของ สเปอร์ส ก็คือช่วงที่ทีมได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 1990-91 ซึ่งนั่นคือหนสุดท้ายที่ทีมครองแชมป์ถ้วยนี้
"น่าจะประมาณยุค 90 อะไรแบบนี้ละครับ ตอนนั้นต้องบอกว่าผมอายุแค่ 10 ขวบเองจริง ๆ ยังไม่เรียกว่าเชียร์หรอกครับ ต้องบอกว่า สเปอร์ส เข้ามาในความทรงจำครั้งแรกคือปีนั้นที่พวกเขาได้แชมป์ เอฟเอ คัพ เป็นปีสุดท้าย ผมเริ่มรู้จัก สเปอร์ส หลังจากนั้นพอดี ปีที่ยังมี พอล แกสคอยจ์น แกรี่ ลินิเกอร์ แล้วพอผมเริ่มสนใจทีมนี้ แกสคอยจ์น ลินิเกอร์ ก็ย้ายออก"
จากนั้นการประกาศตัวเองเป็นแฟนบอลสเปอร์สจริง เกิดขึ้นในช่วง ฟุตบอลโลก 1994 เมื่อนักเตะที่ชื่นชอบอย่าง เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ดาวยิงทีมชาติเยอรมนีได้ย้ายมาเล่นให้กับ สเปอร์ส พอดี
"ที่เริ่มสนใจแล้วก็เชียร์จริง ๆ น่าจะเป็นหลังฟุตบอลโลกปี 94 ครับ เพราะตอนนั้นผมเริ่มโตแล้ว เริ่มเป็นวัยรุ่นอยู่มัธยมต้นเริ่มเตะฟุตบอลกับเพื่อน คือตอนนั้นเรียนที่เทพศิรินทร์น่ะครับ แล้วโรงเรียนก็กำลังมีชื่อเสียงเรื่องฟุตบอลในสมัยนั้น ก็ทำให้เราซึมซับเรื่องฟุตบอลเข้าไป"
"ในบอลโลกปีนั้นเป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่เรามีความทรงจำ เราก็ดูแล้วก็ชอบ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ แล้วปรากฏว่าเค้าย้ายเข้ามาอยู่ในทีมที่เรารู้จัก เราก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ แล้วตอนนั้นจากบอลโลก สเปอร์ส ยังได้พวก จอร์จี้ โปเปสคู อีลี่ ดูมิเตรสคู เข้ามา แล้วในทีมยังมี ดาร์เรน แอนเดอร์ตัน นิค บาร์มบี่ ก็ดูแล้วหวือหวาดี แล้วผมชอบ คลิ้นส์มันน์ อยู่แล้ว ทำให้ปักใจงั้นเชียร์ทีมนี้แล้วกัน"
บอย ยังเสริมด้วยว่า สเปอร์ส ในยุคนั้นเป็นทีมที่่เล่นเกมบุก มีผู้เล่นแนวรุกดี ๆ เยอะมากแต่เกมรับก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะเป็นจุดอ่อนได้ตลอดเช่นกัน
"หลังรั่วมากครับ อีกอย่างนึงก็คือสภาพนักเตะไม่ค่อยดีมีอยู่สองอย่าง ก็เลยทำให้ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่แถวนี้ครับ ที่ 10 ที่ 8 ที่ 7 ด้วยความที่เป็นทีมที่เล่นเกมรุกสนุก แล้วก็นักบอลที่ได้มาส่วนใหญ่เป็นตัวที่ถนัดเกมรุกอย่าง ดาวิด ชิโนล่า, สเตฟเฟ่น อีเวอร์เซ่น, คริส อาร์มสตรอง ช่วงนั้นก็จะโดดเด่นเรื่องเกมรุก จะไม่ค่อยมีสตาร์ในเกมรับ"
- นักเตะสเปอร์สที่เป็นขวัญใจในยุคแรก ๆ
นอกจาก "ฉลามขาว" เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ แล้ว ดูเหมือน บอย จะชื่นชอบในตัวของ พอล แกสคอยจ์น อดีตกองกลางอัจฉริยะทีมชาติอังกฤษอย่างมากด้วย
"ตอนนั้นคนที่ชอบก็เป็น คลิ้นส์มันน์ แต่ว่า พอล แกสคอยจ์น ต้องถือว่าเป็นข้อยกเว้นเพราะแม้เขาจะออกจากทีมไปแล้วแต่ว่าถือเป็นภาพจำของผม ที่พอเห็นเขาเล่นแล้วผมก็ยังติดตาม ตั้งแต่เค้าออกจาก สเปอร์ส ไปอยู่กับ ลาซิโอ ก็ยังติดตามตลอด เสียดายที่เกเรไปนิดนึง"
- ผู้เล่นแบบศิลปินลูกหนังยุคหลัง ๆ นี้หาได้ยาก
เหตุผลที่ บอย ชื่นชมนักเตะอย่าง แกสคอยจ์น นั่นก็เป็นเพราะสไตล์การเล่นแบบศิลปินลูกหนังซึ่ง บอย ยังมองว่าในยุคหลัง ๆ วงการฟุตบอลไม่ค่อยมีผู้เล่นในสไตล์นี้เกิดขึ้นมา แม้แต่ ลิโอเนล เมสซี่ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ตาม
"ผมว่าสไตล์อย่าง พอล แกสคอยจ์น หรือ ดาวิด ชิโนล่า เนี่ยเป็นพรสวรรค์ คือนักฟุตบอลสมัยนี้น่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างหนักถึงจะเจอพรสวรรค์ แต่นักฟุตบอลในยุคที่ผมโตขึ้นมาเราจะเจอแต่พวกที่มีพรสวรรค์แต่ว่าการฝึกฝนอาจจะเป็นรองในยุคนี้ ซึ่งระบบของฟุตบอลสมัยใหม่ค่อนข้างเฮี้ยบกว่า เป็นรูปแบบของมืออาชีพที่มันชัดเจน"
"แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนเราจะเห็นสตาร์เกิดขึ้นมาเยอะมากอย่าง แกสคอยจ์น แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ แล้วก็ เอริค คันโตน่า เราจะเจอนักเตะแบบนี้เยอะ แต่หลังจาก ซีเนอดีน ซีดาน ผมก็ไม่เจอใครที่เป็นสไตล์แบบนี้อีกเลยครับ"
"เมสซี่ ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการฝึกฝนอย่างหนักนะครับ อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผมว่าเป็นการฝึกฝนอย่างหนัก ก็เป็นเรื่องพรสวรรค์ด้วยส่วนหนึ่ง แต่สไตล์ของเขาคือเห็นเลยว่ามีพรสวรรค์ด้วยและต้องมีพรแสวงอย่างมหาศาลด้วยครับ"
- สเปอร์สชุดนี้.. เล่นเป็นทีมไม่มีสตาร์
เมื่อพูดถึงทีม ไก่เดือยทอง บอยบอกว่าค่อนข้างชอบแนวทางของทีมในยุคนี้ ที่สร้างทีมให้เล่นด้วยระบบ โดยไม่ได้มีนักเตะคนไหนโดดเด่นกว่าคนอื่น
"จริง ๆ ชุดนี้ผมชอบตรงที่ไม่มีสตาร์ที่โดดเด่นจนเกินคนอื่น ผมชอบตรงที่มีระบบทีมที่ไม่ไปพึ่งพาใครคนใดคนหนึ่งจนเกินไป ทำให้สามารถทดแทนกันได้ อย่างเช่นมีช่วงหนึ่งที่ แฮรี่ เคน เจ็บ ซอน เฮือน-มิน ก็โดดเด่นขึ้นมา มุสซ่า ซิสโซโก้ ก็เด่นขึ้นมา มันทำให้ผมรู้สึกว่าแฟน สเปอร์ส ส่วนใหญ่ก็คงคิดเหมือนกันหมด ดีกว่ามีสตาร์ไม่กี่คน เหมือน บาร์เซโลน่า ในยุคหนึ่งที่พอคนนี้เจ็บเอาอีกคนลงมาก็สามารถหมุนเวียนได้ เล่นได้ไม่ด้อยกว่ากันเยอะ"
"แล้วปีหน้าถ้ายังดึงสตาร์อยู่ต่อได้ ผมว่าน่าจะมีนักเตะที่มีชื่อเสียงเข้ามา แต่ว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยากได้นักเตะตัวดัง ๆ เท่าไหร่ เพราะเราเริ่มรู้แล้วว่าแนวของ สเปอร์ส น่าจะเน้นระบบของทีมมากกว่า"
- เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้วางรากฐานสำคัญให้ สเปอร์ส
แน่นอนว่า สเปอร์ส ในยุคนี้ถือว่ากลายเป็นทีมที่มีมาตรฐานการเล่นสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับหลายปีก่อน เพราะเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่ทำอันดับติดท็อป 4 ได้ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งปีนี้ก็ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอีกต่างหาก และทั้งหมดนี้ บอย ยกให้เป็นผลงานของ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนตินา ที่ฝีมือกำลังขึ้นหม้อและตกเป็นข่าวตลอดว่าจะโดนทีมใหญ่ดึงไปคุมทีม
"ตอนนี้ไม่กลัวเสียนักเตะคนไหนเลยนะครับ ที่มีข่าวว่า อีริคเซ่น จะย้ายไป เรอัล มาดริด ผมเฉย ๆ มาก แต่ผมกลัวโค้ชไปมากกว่า สำหรับ โปเช็ตติโน่ เหมือนเค้าเป็นคนวางรากฐาน และเป็นเจนเนอเรชั่นเดียวกับนักฟุตบอล อายุไม่เยอะเกินไปแบบ 50 กว่า 60 ซึ่งคุยกับนักเตะไม่รู้เรื่อง เหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องเล่นด้วยกัน ผมเคยเห็นบรรยากาศเวลาซ้อมเค้าก็ยังมาลงทีมด้วย มาเล่นด้วยมาเตะฟุตบอลด้วยกัน มันดูมีความรู้สึกว่ามีความใกล้ชิดกับนักฟุตบอล แล้วทำให้นักฟุตบอลลงไปเล่นด้วยใจ ผมมีความรู้สึกแบบนั้นครับ"
แต่หากเกิดกรณีที่ สเปอร์ส ไม่สามารถรั้งตัว โปเช็ตติโน่ ไว้ได้จริง ๆ บอยก็เข้าใจและมองว่านั่นเป็นวิถีของฟุตบอล ซึ่งในฐานะที่เป็นแฟน สเปอร์ส มากว่า 20 ปีได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมาตลอด
"จริง ๆ แล้วผมว่ามันก็เป็นวิถึของฟุตบอล ซึ่งเราเชียร์ทีมนี้มาน่าจะ 20 กว่าปีแล้ว มันเห็นการเปลี่ยนแปลงมาตลอดเวลา ตั้งแต่ผมเชียร์มา สเปอร์ส เปลี่ยนโค้ชไป 15 คน มันทำให้ผมรู้สึกเริ่มเฉย ๆ ผมเชื่อว่าทีมบริหารน่าจะมีแนวทางที่ดี ผมมองว่านอกจากตัวธุรกิจแล้วพวกเขายังมี passion ในเรื่องของฟุตบอลอยู่ ก็เลยค่อนข้างสบายใจ แต่ถามว่าเสียดายมั้ยก็เสียดายถ้าเกิด โปเช็ตติโน่ ไป"
- ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ สเปอร์ส กับนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก
สำหรับการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ สเปอร์ส ในมุมมองของทุกคนคงยกให้ฝั่ง หงส์แดง เป็นต่อถ้าดูจากฟอร์มการเล่นในซีซั่นที่ผ่านมา แต่ บอย ย้ำว่ามาถึงขนาดนี้แล้วจะบอกว่า ไก่เดือยทอง ไม่มีโอกาสเลยก็คงไม่ได้
"ถ้ามาถึงขนาดนี้จะบอกว่าไม่มีโอกาสเลยก็ไม่รู้จะพูดแบบนั้นไปทำไมนะครับ ผมว่าตอนนี้ทั้ง ลิเวอร์พูล ทั้ง สเปอร์ส ก็เต็มร้อยทั้งคู่ อยู่ที่จังหวะแล้วละ ลิเวอร์พูล ก็มั่นใจว่าพวกเขาเข้าชิง 2 ปีติดนะครับ อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่แฟน สเปอร์ส กลัวเหมือนกัน เพราะ พวกเขาจะต้องมีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม เพราะปีที่แล้วพลาดไปปีนี้พวกเขาจะต้องเอาให้ได้"
"แต่ สเปอร์ส ก็มีความมุ่งมั่นอีกแบบนึงก็ คือว่านี่เป็นครั้งแรกของพวกเรา เราจะต้องเอาให้ได้ ผมถือว่าแมตช์เสาร์นี้มันออกได้ทุกหน้า และทั้งสองฝั่งต่างก็มุ่งมั่นทั้งคู่ ผมว่าผลงานในลีกนี่แทบจะไม่เกี่ยวแล้ว ทั้งสองทีมก็เจอกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทั้ง 22 คนในสนามก็คงรู้ทางกันดี แต่เราก็แอบหวังลึก ๆ ว่าจะมีโชคเข้าข้างทาง สเปอร์ส บ้าง เพราะว่าเงียบมานานมากจริง ๆ หมายถึงว่าตู้โชว์มันเงียบไงครับ เงียบมานานเหลือเกิน"
"คือทุกอย่างมันใกล้กันหมดเลยครับ เกมนี้มันมองไม่ออกจริง ๆ พอไปถึงในสนามจริง ๆ ผมว่าอาจจะกลายเป็นเกร็งกันก็ได้นะครับ พอระวังกันมากแล้วจะกลายเป็นนัดชิงที่่น่าเบื่อ เราก็อยากดูฟุตบอลที่มันเป็นเกมคุณภาพหน่อยอะไรอย่างนั้นครับ"
ทั้ง สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล ต่างก็ผ่านเส้นทางสุดระทึกจนมาถึงเกมชิงชนะเลิศได้ โดย ลิเวอร์พูล งัดฟอร์มระดับโลกถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 ขณะที่ สเปอร์ส เหมือนจะผ่านนาทีชีวิตมามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มก็ผ่านมาแบบเฉียดฉิวด้วยผลงานเฮดทูเฮดชนะ อินเตอร์ มิลาน และในรอบ 8 ทีมสุดท้าย กับรอบรองชนะเลิศ ก็ผ่าน แมนฯ ซิตี้ กับ อาแจ็กซ์ มาได้ในวินาทีสุดท้ายจริง ๆ
"เรามาแบบกระท่อนกระแท่นมาตลอด แล้วก็มาพีคอีกทีตอน VAR ชุบชีวิต มันผิดหวังไปแล้วด้วยซ้ำ เหมือนจบไป แล้วแพ้ไปแล้วทั้งสองเกม คือใจผมเหมือนมันจะตกรอบตั้งแต่วันที่เสมอ บาร์ซ่า แล้ว แต่พอเข้ารอบมาผ่าน รอบ 16 ทีม มาเจอ แมนซิตี้ รอบ 8 ทีมก็ลงหลุมไปแล้วถูกดึงขึ้นมา แล้วยังมาพีคอีกในเกม อาแจ็กซ์ ผมเลยไม่รู้มันยังจะเหลือความพีคอะไรให้อีกในเกมกับ ลิเวอร์พูล"
ความเร็วของ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และแนวรุกคนอื่น ๆ ของ ลิเวอร์พูล คือสิ่งที่ สเปอร์ส ต้องระวัง
- สเปอร์ส จะรับมือแนวรุกของ ลิเวอร์พูล ได้ยังไง
ในฐานะกองเชียร์ สเปอร์ส สิ่งที่ บอย มองว่าน่ากลัวที่สุดก็คือเกมเพรสซิ่งอันดุดันของ ลิเวอร์พูล รวมทั้งผู้เล่นแนวรุกที่มีความเร็วอย่าง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ ซาดิโอ มาเน่
"ผมกลัวเกมบีบของพวกเขามากกว่า เพราะ สเปอร์ส ถ้าโดนบีบนี่เสียบอลง่ายด้วยครับ และผมว่าที่น่ากลัวที่สุดเลยคือ ซาล่าห์ เพราะทะลุทะลวงเหลือเกิน กับ มาเน่ สองคนนี้ครับ ที่ค่อนข้างหนักใจ เพราะว่ากองหลังของ สเปอร์ส สปีดไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วชอบเล่นเกมรุกเหลือเกิน"
"ก็ถือว่าเป็นทีมที่เล่นเกมบุกสนุกทั้งสองทีม ถ้าจะพูดแบบแฟร์ ๆ เลยคือ ลิเวอร์พูล น่ากลัวทุกตำแหน่งเป็นปีทองของพวกเขาเลยครับ ตั้งแต่ผู้รักษาประตู กองหลังยันกองหน้าแข็งหมด กลางก็เล่นบีบเกมดี กองหน้าก็ค่อนข้างชัวร์ กองหลังนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ฟาน ไดจ์ค นี่คือโดดเด่นแบบเบอร์ 1 แล้วครับตอนนี้ แต่ก็แอบหวังว่าเป็นเด็กที่ โปเช็ตติโน่ เคยคุมตอนอยู่ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็อาจจะรู้อะไรอยู่บ้าง"
- ทีเด็ดของ สเปอร์ส ที่จะเล่นงาน ลิเวอร์พูล
ขณะเดียวกัน บอย ยังมองอีกว่าเกมในวันเสาร์นี้จะตัดสินกันด้วยการสู้กันในแดนกลาง แล้วถ้า สเปอร์ส ทำได้ดีก็จะมีอาวุธเด็ดก็คือการเล่นเกมรุกอันรวดเร็ว
"ตอนนี้ผมว่าน่าจะต้องเป็นเกมบุกซึ่งจะบอกว่าคนใดคนหนึ่งคงไม่ได้ ผมว่าถ้าแดนกลางเราเอาชนะพวกเขาได้ก็มีสิทธิ์ เกมรุกที่โดดเด่นของเรามันจะมาจากกองกลางที่ต่อบอลกันแบบรวดเร็ว จะสังเกตได้ว่า สเปอร์ส จะได้ประตูส่วนใหญ่จะได้จากกองกลางที่ทำบอลเร็ว เล่นเร็วไม่กี่จังหวะ อีริคเซ่น อัลลี่ แล้ว ซอน เฮือง-มิน กับ เคนเป็นคนจบ"
ทั้งนี้ บอย ยังเชียร์ให้ สเปอร์ส ให้โอกาส ลูคัส มูร่า ดาวเตะบราซิเลียนได้ลงเล่นด้วย หลังจากสวมบทฮีโร่ยิงแฮตทริกให้ทีมบุกชนะ อาแจ็กซ์ ในรอบรองชนะเลิศ
"ก็อยากให้ มูร่า ได้ลง คือผมว่าเขาควรได้รางวัลอะไรตอบแทนบ้างในการลงสนาม เพราะว่านี่คือผลงานของเขาเต็ม ๆ อันนี้อาจจะบอกว่าเอาความดีความชอบไปคนเดียวไม่ได้ แต่ผมว่าเกมนั้นมันต้องให้เขาแล้วจริง ๆ ครับยิง 3 ประตูขนาดนั้น เขาน่าจะได้รางวัลลงเป็นตัวจริงบ้าง ตอนนี้ในกลุ่มแฟน สเปอร์ส ก็มีคุยกันครับว่า ให้ เคน ลงครึ่งหลังได้มั้ย ให้ มูร่า ลงก่อน"
- อยากเห็น สเปอร์ส ก้าวสู่ระดับท็อปทีมจริง ๆ
สำหรับ สเปอร์ส นั้นห่างหายจากการชูถ้วยแชมป์มานานมาก หนสุดท้ายคือการครองแชมป์ ลีก คัพ ฤดูกาล 2007-08 ซึ่งนั่นคือแชมป์รายการเดียวในรอบ 20 ปี แต่ไม่ว่าหลังจบเกมวันเสาร์นี้จะมีถ้วยแชมป์มาเพิ่มหรือไม่ บอย เชื่อว่า สเปอร์ส ก็กำลังเดินหน้าไปอย่างถูกทางแล้ว
"คือผมว่าเราค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาจากทีมที่ไม่ได้ลุ้นท็อป 5 แล้วเมื่อก่อนเวลาใครพูดว่า บิ๊ก 5 ของ พรีเมียร์ลีก ไม่เคยมี สเปอร์ส ติดเลย แต่ตอนนี้ดีใจที่เป็นบิ๊ก 4 แล้ว ถ้าใครพูดถึง สเปอร์ส นี่คือทีมบิ๊ก 4 เราก็รู้สึกว่ามันดีขึ้นเรื่อย ๆ"
"จากที่เราเชียร์แรก ๆ เคยลุ้นหนีตกชั้น เคยอยู่อันดับ 10 เคยอยู่อันดับ 8 แล้ววันนี้มาตรฐานคือไม่ต่ำกว่าที่ 4 มาหลายปีแล้ว ผมรู้สึกว่านี่คือมาตรฐานที่ดีแล้ว ไม่ใช่ว่าปีที่แล้วหนีตกชั้น ปีนี้มาลุ้นแชมป์ แล้วปีหน้าก็ตกลงไปอีก ผมว่ามันก็สวิงไปหน่อย แต่ว่าตอนนี้มันมาถูกทางแล้ว ผมว่าการพัฒนาของทีมมันค่อยเป็นค่อยไป เหมือนการวางรากฐาน มีการซื้อตัวนักเตะที่เป็นเยาวชนเข้ามาฝึกฝน ผมว่ามันดี"
- บทเพลงสำหรับ สเปอร์ส หลังจากเกมนัดชิงชนะเลิศกับ ลิเวอร์พูล
ปิดท้ายก่อนจบการสนทนาครั้งนี้ในฐานะที่เป็นนักร้อง เราก็เลยอยากรู้ว่า บอย จะมอบเพลงอะไรให้ สเปอร์ส กรณีที่หลังจบเกมนัดชิงหนนี้อาจจะเป็นทีมที่สุขสมหวัง หรือพลาดท่าพ่ายแพ้
"ผมพูดชื่อเพลงออกมาทันทีไม่ได้นะ แต่ถ้าได้แชมป์ขึ้นมามันคงเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับทีมนี้ที่มีให้แฟน ๆ ที่เชียร์มา อย่างผมนี่เชียร์มาเกิน 20 ปี รับรองได้ว่ามันยิ่งใหญ่จริง ๆ เอาเพลง วันนี้ที่รอคอย แล้วกันครับ เก่าหน่อยแต่ว่ามีความหมาย แต่ถ้าไม่ได้แชมป์ให้เพลงของตัวเองครับ ไม่ไหวบอกไหว"
ขอขอบคุณ บอย พีซเมคเกอร์
ภาพจาก อินสตาแกรม boypeace, ช่อง 3, AFP