โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยอดหัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส ฝากข้อความถึง เธียร์รี่ อองรี หลังจากสามารถทำผลงานยิงประตูเท่ากับสถิติดาวยิงสูงสุดของทีม "ตราไก่" ได้สำเร็จ
ฟุตบอลโลก 2022 เกมรอบแรก กลุ่มซี เมื่อวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2565 แชมป์เก่าฝรั่งเศสเปิดฉากได้อย่างด้วยงามด้วยการเร่งเครื่องเอาชนะทีมชาติออสเตรเลียด้วยผลบอล 4-1 โดยที่ศูนย์หน้าตัวเก๋าอย่าง ชิรูด์ ยิงไป 2 ลูก ซึ่งนับเป็นการยิงในนามทีมชาติลูกที่ 50 และ 51 เท่ากับสถิติที่ อองรี ทำไว้
หลังจบเกม ดาวยิงวัย 36 ปี กล่าวว่า "มันเป็นความภูมิใจอย่างยิ่ง นับว่าเป็นเกียรติสำหรับผมที่ได้มีชื่ออยู่เคียงข้างเขาในทีมชาติฝรั่งเศส หลังจากช่วงเวลา 11 ปี ผมได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการทำงานหนักมาตลอด ร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศสทุกชุดที่ผมลงเล่นด้วย มันเป็นการทำงานร่วมกันของทีม ผมพยายามจะจบงานที่หลาย ๆ คนช่วยกันทำในคืนนี้ เราประสานงานกันได้ดี"
"ยอมรับเลยว่ามันเป็นเป้าหมายอยู่ในใจผมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะมุ่งมั่นแต่เรื่องนี้ เหนือสิ่งอื่นใดผมคิดว่าหน้าที่ของตัวเองก็คือช่วยให้ทีมชนะ สถิติของผมมันเป็นเรื่องรอง เมื่อผมได้บอลในกรอบเขตโทษผมพยายามทำในสิ่งที่ต้องทำซึ่งผมรู้ว่าต้องทำยังไง คืนนี้ผมทำมันได้นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับทีมและสำหรับผม"
"ผมมั่นใจว่าถึงตอนนี้เขาคงส่งข้อความมาหาผมแล้วละ เอาเป็นว่า ติตี้, เห็นไหม ผมทำได้แล้ว"
อันดับดาวยิงสูงสุดตลอดกาลทีมชาติฝรั่งเศส
ขณะเดียวกัน ชิรูด์ ยังพูดถึงผลงานของทีมชาติฝรั่งเศสในเกมนี้ว่า "เราเริ่มทัวร์นาเมนต์ได้ดี มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องชนะนัดแรก เราเริ่มเกมได้ไม่ดีนักแต่เราก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง เราเสียใจกับ ลูกัส (แอร์กน็องเดซ) เขาบาดเจ็บในจังหวะที่เราเสียประตู เรารู้จักผู้เล่นของออสเตรเลียดี พวกเขาเล่นได้ดีมากตอนเริ่มเกม แต่สิ่งสำคัญคือเราก็แก้ไขได้ทันที"
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อน ชิรูด์ เป็นสมาชิกของทีมชุดแชมป์โลก 2018 แต่ไม่สามารถยิงประตูได้เลย ซึ่งดาวยิงจาก เอซี มิลาน ระบุว่า "ผมพยายามทำหน้าที่เพื่อทีม เมื่อมีโอกาสผมก็พยายามจะยิงประตู คราวนี้ผมพลาดอีกไม่ได้เพราะบอลที่จ่ายมามันยอดเยี่ยมมาก ตอนปี 2018 ผมไม่ได้มีโอกาสมากอย่างที่หวังไว้ มันเป็นเกมที่แตกต่างกัน ถึงตอนนี้มันส่งผลดีต่อความมั่นใจสำหรับเกมต่อไป"
โปรแกรมบอลโลก 2022 เกมต่อไปของทีมชาติฝรั่งเศส จะเป็นการพบกับ เดนมาร์ก ในวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน รอติดตามผลบอลสดกันได้ในเวลา 23.00 น.
ภาพ AFP
ข้อมูลจาก time.news