ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือของบ้านผลบอลแอต.มาดริด ยอมรับว่าเขาเองรู้สึกผิดที่ไปมีปัญหากับแฟนบอลเจ้าถิ่นจนตนเองโดนใบแดง แต่เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเขาโดนดูถูกตลอดทั้งเกม จากรายงานของ bbc.com เมื่อ 18 กันยายน 2568
หลังจากที่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมหงส์แดง ยิงประตูชัยในนาทีที่ 92 ทำให้ลิเวอร์พูลกำชัยชนะคว้าผลบอลสด ไปด้วยผลบอล 3-2 ในตารางบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบลีกเฟส นัดแรก 3-2 ทางด้านของ เอล โชโล่ ก็แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ทันที หลังจากที่ดูเหมือนว่าเขาถูกยั่วโมโหจากแฟนบอลเจ้าบ้านจำนวนเล็กน้อย
โดยทาง กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ บ่นกับผู้ตัดสินที่สี่ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนยืนอยู่ระหว่างเขากับแฟนบอลลิเวอร์พูล และซิเมโอเน่ ต้องถูกดึงตัวออกจากที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะถูกไล่ออกในที่สุด
ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กล่าวหลังเกมว่า "อย่างแรกเลยผมเสียใจกับส่วนที่ผมมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นั้น มันชัดเจนว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีสิทธิ์โต้ตอบ และมันก็ไม่ดีเลยเมื่อเราโต้ตอบ"
อย่างไรก็ตาม ซิเมโอเน่ ไม่พอใจกับสิ่งที่เขาเรียกว่า "คำด่าตลอดทั้งเกม" จากแฟนบอลเจ้าบ้าน
"เรา (ผู้จัดการทีม) อยู่ในตำแหน่งที่เป็นที่ตั้งของทีม ดังนั้นในทำนองเดียวกันกับที่เราต่อสู้กับการเหยียดผิว และคำด่ามากมายในสนามในทุกวันนี้ ซึ่งผมว่ามันก็น่าจะมีการต่อสู้เพื่อผู้จัดการทีมด้วย ต่อต้านคำด่าที่เราได้รับตลอดทั้งเกม"
"มันไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ในตำแหน่งที่เราอยู่ และได้รับคำด่าตลอดทั้งเกม ผมเห็นมันจากที่ไกล ๆ หลังจากประตูที่สาม ผมเห็นประตูที่สามเข้า และผมก็หันไป คำด่ายังคงดำเนินต่อไป และเอาล่ะ ผมก็เป็นคน ๆ หนึ่ง"
เมื่อถูกถามถึงลักษณะของคำด่านั้น เจ้าตัวตอบว่า "ความจริงคือผมจำไม่ได้จริง ๆ ผมไม่อยากเข้าไปในสถานการณ์นั้น สิ่งหนึ่งที่ผมมีคือผมต้องรักษาตำแหน่งของผมไว้ ผมต้องรู้วิธีที่จะทนต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าม้านั่งสำรอง และรู้ว่าผมไม่สามารถแก้ไขสังคมได้ ผมและผู้จัดการทีมคนอื่น ๆ ต้องอยู่กับสิ่งนี้เพราะมันเกิดขึ้นตลอดเวลา"
"ปฏิกิริยาของผมไม่สามารถอ้างเหตุผลได้ แต่คุณรู้ไหมว่าการถูกด่าเป็นเวลา 90 นาทีมันเป็นอย่างไร ? ผมหวังว่าลิเวอร์พูลจะสามารถปรับปรุงในส่วนนั้นได้ และเมื่อพวกเขาเจอคนที่ทำแบบนั้น จะมีผลที่ตามมา"
ทั้งนี้ นี่ถือเป็นเกมที่ 5 ติดต่อกันของ ลิเวอร์พูล แล้ว ที่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ หลังจากก่อนหน้านี้เกิดขึ้นใสการแข่งขันพรีเมียร์ลีก
ขอบคุณข้อมูลจาก : bbc.com
ภาพข่าว : AFP
