ลิเวอร์พูล ต้องยอมรับความจริงว่าพวกเขาทำผลงานได้ใกล้เคียงกับคำว่า "ล้มเหลว" สำหรับเส้นทางในเวที พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2014-15 จากการที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ของทีมออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาหลังจากจบเกมที่พลาดท่าแพ้ให้กับ ฮัลล์ ซิตี้ 0-1 ว่า "ความจริงที่เจ็บปวดก็คือ เราเคยยิงประตูได้มากกว่า 50 ประตู"
จากการเปิดเผยสถิติต่าง ๆ ของ espnfc.com สื่อกีฬาชื่อก้องโลกอาจจะตอบคำถามได้ว่าเพราะเหตุใดฤดูกาลนี้ทัพ "หงส์แดง" จึงมีปัญหาในการทำประตู และเป็นเหมือนกับคนละทีมต่างจากทีมที่เคยจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเมื่อฤดูกาลก่อนอย่างสิ้นเชิง
.jpg)
คู่หู SAS ที่ยิงรวมกัน 52 ประตูเมื่อฤดูกาล 2013-14
1. ฤดูกาลก่อน หลุยส์ ซัวเรซ และ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ทำประตูในลีกไป 31 ประตู และ 21 ประตู ตามลำดับ พวกเขากลายเป็นคู่หัวหอกของ ลิเวอร์พูล คู่แรกที่ทำประตูรวมกันได้มากกว่า 20 ประตู ในลีก นับตั้งแต่ เอียน เซนต์จอห์น และ โรเจอร์ ฮันท์ 2 ตำนานของทีมเคยทำไว้เมื่อกว่า 50 ปีก่อนหน้านี้
2. พวกเขาเคยเป็นทีมที่มีเกมรุกร้อนแรงมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่สำหรับซีซั่นนี้มันไม่ใช่เลย นี่คือผลงานการยิงประตูของ 4 กองหน้าของทัพ "หงส์แดง" เริ่มจาก ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 4 ประตู, ริคกี้ แลมเบิร์ต 2 ประตู, มาริโอ บาโลเตลลี่ 1 ประตู และ ฟาบิโอ บอรินี่ 1 ประตู ซึ่งทั้ง 4 ซัดประตูคู่แข่งรวมกันในลีกได้ทั้งหมดเพียงแค่ 8 ประตู
3. ดาวยิงทั้งหมดของ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ห่วยที่สุดในบรรดากองหน้า พรีเมียร์ลีก รองลงมาคือ คริสตัล พาเลซ (11 ลูก) ตามมาด้วย ซันเดอร์แลนด์ (12 ลูก) และ คิวพีอาร์ (17 ลูก) จากการเหมาคนเดียวของ ชาร์ลี ออสติน ซึ่งมากกว่าเหล่าหอกปืนฝืดทั้ง 4 ของ "หงส์แดง" รวมกันกว่าสองเท่าตัว
4. นาเซอร์ ชาดลี่ มิดฟิลด์ตัวเก่งของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทำไปทั้งหมด 10 ประตู ซึ่งแน่นอน มันก็ยังมากกว่ากองหน้าของ ลิเวอร์พูล ยิงประตูรวมกันเสียอีก
.jpg)
4 ดาวยิงปืนฝืดของ ลิเวอร์พูล ประจำฤดูกาล 2014-15
5. ที่น่าตกใจกว่าก็คือ 4 ดาวยิงของทัพ "หงส์แดง" ยิงประตูรวมกันได้น้อยกว่าเหล่าแบ็กโฟร์ของทีม เอฟเวอร์ตัน เสียอีก เลห์ตัน เบนส์ 2 ประตู, ฟิล จากีลก้า 3 ประตู, จอห์น สโตน 1 ประตู และ เชมุส โคลแมน 3 ประตู
6. ลิเวอร์พูล ทำประตูได้ถึง 101 ประตูในลีกเมื่อฤดูกาลก่อน แต่ฤดูกาลนี้พวกเขาทำได้เพียง 47 ประตู โดยเหลือแค่ 4 เกม ให้พวกเขาทำประตูเพิ่ม แตกต่างจากเมื่อฤดูกาล 2013-14 ที่พวกเขาทำไปถึง 93 ประตูในช่วงเวลาเดียวกัน
7. สถิติที่ ลิเวอร์พูล ยิงประตูได้น้อยที่สุดใน พรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นในฤดูกาล 2011-12 ในยุคของ เคนนี่ ดัลกลิช ทั้งหมดคือ 47 ประตู แต่ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถเจาะตะข่ายคู่แข่งได้เลยตลอด 4 เกมสุดท้ายที่เหลือ นั่นหมายความว่าประวัติศาสตร์ก็จะซ้ำรอย
8. มาดูความแตกต่างของผลงาน 4 กองหน้าของ ลิเวอร์พูล จากฤดูกาลก่อน ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 21 ประตู, มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิงให้ เอซี มิลาน 14 ประตู, ริคกี้ แลมเบิร์ต ยิงให้ เซาแฮมป์ตัน 13 ประตู และ ฟาบิโอ บอรินี่ ยิงให้ ซันเดอร์แลนด์ 7 ประตู ซึ่งรวมกันทั้งหมด 55 ประตู แต่สำหรับ 8 ประตูในฤดูกาลนี้ ถือว่าห่างไกลกันมาก
9. ฤดูกาลนี้ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล 18 เกมจาก 54 เกมของการแข่งขันทั้งหมดคิดเป็น 33 %, ได้ลงตัวจริง 14 นัดคิดเป็น (26 %) และเป็นตัวจริงใน พรีเมียร์ลีก เพียง 7 นัดจาก 34 เกมคิดเป็น (21 %)
.jpg)
16 ล้านปอนด์ กับความหวังในการเป็นตัวแทนการขาดหายไปของ หลุยส์ ซัวเรซ...สลายไปกับตา
10. มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิงประตูในลีกให้กับ แมนฯ ซิตี้ เฉลี่ยทุก ๆ 2.7 เกม และยิงให้กับ เอซี มิลาน เฉลี่ยทุก ๆ 1.65 เกม แต่พอย้ายมา ลิเวอร์พูล เขาทำไปเพียง 1 ประตู จาก 16 เกม
11. ลิเวอร์พูล เป็นทีมเดียวที่ไม่สามารถยิงประตู ฮัลล์ ซิตี้ ได้เลยในฤดูกาลนี้ และ ฮัลล์ ซิตี้ เป็นทีมเดียวที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ ได้ลงเป็นตัวจริงทั้งเหย้า และเยือน
12. แน่นอนถ้าคิดเฉลี่ย ริคกี้ แลมเบิร์ต ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำในสมัยอยู่กับ เซาแฮมป์ตัน 106 ประตูจาก 207 เกม แต่กับ ลิเวอร์พูล มันช่างเลวร้ายกว่ามากเพราะเขาทำไป 2 ประตูจาก 21 เกม นั่นหมายความว่าเขายิงประตูได้เฉลี่ยทุก ๆ 10 เกม
13. มีนักเตะถึง 50 รายใน พรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูได้มากกว่ากองหน้าทั้งหมดของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ซึ่งรวมไปถึง 3 มิดฟิลด์ของทีมอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
ขอบคุณข้อมูลจาก espnfc.com
ภาพ liverpoolecho.co.uk/AFP
