เรอัล มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2015-16 ไปครองได้สำเร็จด้วยการเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แอต.มาดริด จากการดวลจุดโทษ 5-3 หลังจากในเวลาเสมอ 1-1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2559
ซึ่งการครองเจ้ายุโรปหนนี้ถือเป็นแชมป์สมัยที่ 11 ของ เรอัล มาดริด อีกด้วย (รวมชื่อเดิม ยูโรเปี้ยน คัพ) และชัยชนะครั้งนี้ของ "ราชันชุดขาว" ก่อให้เกิดสถิติใหม่ตามมามากมายดังนี้ :
.jpg)
- เรอัล มาดริด มีสถิติชนะ 100% ในเกมรอบชิงชนะเลิศนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยชนะ 5 ครั้งจากการเข้าชิง 5 ครั้ง แซงหน้าทีมคู่รักคู่แค้นอย่าง บาร์เซโลน่า ที่ชนะ 4 ครั้งจากการเข้าชิง 5 ครั้ง นอกเหนือจากนี้มี เอซี มิลาน ที่ชนะ 3 ครั้งจากการเข้าชิง 6 ครั้ง
- นอกเหนือจาก เรอัล มาดริด ที่มีสถิติชนะ 100% ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วยังมีสโมสร มาร์กเซย, ปอร์โต้ และอินเตอร์ มิลาน ที่มีสถิติชนะ 100% เช่นกัน แต่มาจากการเข้าชิง 1 ครั้ง
- ชัยชนะทั้ง 5 ครั้งของ เรอัล มาดริด จะเกิดขึ้นในปีที่เป็นเลขคู่เสมอ (1998, 2000, 2002, 2014 และ2016) ซึ่งมีถึง 3 ครั้งที่ได้เข้าชิงกับสโมสรจากสเปนด้วยกัน (บาเลนเซีย ปี 2000 และแอต.มาดริด ปี 2014, 2016)
.jpg)
- ซีเนอดีน ซีดาน คือบุคคลราย 7 ที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้ทั้งตอนสมัยที่เป็นผู้เล่น และตอนที่เป็นโค้ช และยังเป็นกุนซือรายที่ 8 ที่พาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จในการคุมทีมปีแรก
- ซีเนอดีน ซีดาน เป็นโค้ชชาวฝรั่งเศสคนแรกที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งชาติที่มีโค้ชคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดคือ อิตาลี และสเปน 6 คน, เยอรมนี 4 คน, ฮอลแลนด์, โปรตุเกส และสกอตแลนด์ 2 คน และเบลเยียม 1 คน และยังไม่มีโค้ชที่มาจากชาติอื่นนอกเหนือจากยุโรปที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้เลย
- ซีเนอดีน ซีดาน ถือเป็นนักเตะคนที่ 2 ต่อจาก แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ที่ยิงประตูในเกมนัดชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ได้ตอนสมัยเป็นผู้เล่น และในเวลาต่อมายังสามารถคว้าแชมป์ในฐานะกุนซือได้อีกด้วย
