รวม 11 ดาวเตะค่าตัวฟรีที่เจ๋งสุด ๆ

แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปกำชัยเหนือแชมป์เก่าอย่าง เลสเตอร์ 3-0 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กดไปหนึ่งประตู จึงทำให้ตอนนี้ อดีตกัปตันทีมชาติสวีเดน ทำไป 15 ประตูใน พรีเมียร์ลีก รวมเป็น 20 ประตูในทุกรายการที่ยิงให้ แมนยู ฤดูกาลนี้

ดาวยิงวัย 35 ปี กลายเป็นผู้เล่นคนแรกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยิงประตูแตะ 20 ลูกได้นับตั้งแต่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เคยทำได้เมื่อปี 2013 เป็นที่แน่นอนแล้วว่านี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าสุด ๆ ของ "ปีศาจแดง" เพราะพวกเขาไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่าตัวของ ซลาตัน สักแดงเดียว

นอกเหนือจาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช แล้วล่ะ ? "เดอะ ซัน" สื่อชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ จึงทำการรวม 11 ดาวเตะค่าตัวฟรีที่ดีที่สุดมาให้ชมกัน :

โรแบร์โต้ บาจโจ้ : เอซี มิลาน ย้ายไป โบโลญญ่า, 1997

"เทพบุตรเปียทองคำ" คือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของโลกสมัยค้าแข้งอยู่กับ ยูเวนตุส แต่เขาต้องต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งใน เอซี มิลาน ตลอด 2 ปี แต่เป็น โบโลญญ่า ที่สามารถเค้นฟอร์มยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพนักเตะของ โรแบร์โต้ บาจโจ้ ออกมาได้สำเร็จก็ว่าได้ กับที่นี่เขาซัดไป 22 ประตูใน เซเรีย อา และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์

สตีฟ แม็คมานามาน : ลิเวอร์พูล ย้ายไป เรอัล มาดริด, 1999

ผู้เล่นตำแหน่งปีกคนสุดท้ายที่กุนซือ กุส ฮิดดิ้งค์ ดึงตัวมาร่วมทีม เรอัล มาดริด ซึ่งได้รับคำเตือนว่านี่อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี แต่สุดท้าย สตีฟ แม็คมานามาน ก็กลายเป็นหนึ่งในแข้งอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในต่างแดน เขาคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย, แชมป์ ลา ลีกา 2 สมัย และได้เล่นร่วมกับนักเตะแห่งยุคอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน, หลุยส์ ฟิโก้, ราอูล กอนซาเลซ และโรนัลโด้

โซล แคมเบลล์ : สเปอร์ส ย้ายไป อาร์เซน่อล, 2001

การย้ายจาก สเปอร์ส ไปร่วมทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง อาร์เซน่อล ของ แคมเบลล์ เป็นหนึ่งในการย้ายทีมที่ทำให้แฟนบอลทีมเก่าโกรธแค้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาคือ ตำนานกองหลังของทัพ "ปืนใหญ่" กับการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย และแชมป์ เอฟเอ คัพ 3 สมัย

เจย์-เจย์ โอคาชา : เปแอสเช ย้ายไป โบลตัน, 2002

หนึ่งในนักเตะที่เป็นไอคอนของ พรีเมียร์ลีก ด้วยทักษะที่เหนือชั้นทำให้แฟน ๆ จดจำนักเตะที่ชื่อ เจย์-เจย์ โอคาชา เขาเป็นนักเตะที่มีรอยยิ้มเปื้อนหน้าอยู่เสมอ แม้จะย้ายไปร่วมทีมอย่าง โบลตัน แต่เขาสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล นักเตะยอดเยี่ยม พีเอฟเอ

เฮนริค ลาร์สสัน : เซลติก ย้ายไป บาร์เซโลน่า, 2004

เขาประสบความสำเร็จอย่างมากกับ เซลติก และสร้างสถิติมากมายไว้ที่สกอตแลนด์ เขาเลือก บาร์เซโลน่า หนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดของโลกในขณะนั้น ถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บมารวบกวน แต่ ลาร์สสัน วัย 34 ปี ก็กลับมาได้ทันเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และสามารถช่วยทีมพลิกแซงเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-1 และคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

มิชาเอล บัลลัค : บาเยิร์น ย้ายไป เชลซี, 2006

กองกลางทีมชาติเยอรมนี ยุติ 4 ปีของเขากับ บาเยิร์น มิวนิค เขาตัดสินใจย้ายไป เชลซี แบบไม่มีค่าตัว แต่เขาก็ยังคงประสบความสำเร็จระดับสูงด้วยการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 3 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย และแชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย ในซีซั่นสุดท้ายของเขากับ "สิงห์บลูส์"

อันเดรีย ปิร์โล่ : เอซี มิลาน ย้ายไป ยูเวนตุส, 2011

ไอดอลของบรรดามิดฟิลด์รุ่นหลัง และตำนานของ เอซี มิลาน อย่าง อันเดรีย ปิร์โล่ เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับคู่แข่งสำคัญอย่าง ยูเวนตุส แบบไม่มีค่าตัว หลายคนอาจจะคิดว่าหมดยุคของเขาแล้ว แต่ทว่า ปิร์โล่ กลายเป็นกำลังสำคัญของทัพ "ม้าลาย" โดยพาทีมคว้าแชมป์ เซเรีย อา 4 สมัย แถมยังคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกสูงสุดอิตาลี 3 สมัยติดต่อกันอีกด้วย

ปอล ป็อกบา : แมนฯ ยูไนเต็ด ย้ายไป ยูเวนตุส, 2012

การย้ายทีมที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไร ปอล ป็อกบา ไม่ต่อสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด และตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม ยูเวนตุส แบบไม่มีค่าตัว แต่กลายเป็นกำลังหลักที่พาทีมคว้าแชมป์ เซเรีย อา 4 สมัย และ โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย จนสุดท้าย "ปีศาจแดง" ต้องทุ่มเงินเป็นสถิติโลกเพื่อดึงเขากลับไปร่วมทีมอีกครั้ง

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ : ดอร์ทมุนด์ ย้ายไป บาเยิร์น, 2014

เลวานดอฟสกี้ สร้างชื่อเป็นยอดดาวยิงด้วยการพา ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ได้ 2 ปีติด ก่อนที่เขาจะหมดสัญญากับ "เสือเหลือง" และย้ายไปร่วมทีม บาเยิร์น แบบไร้ค่าตัว และที่นั่นเขายิ่งตอกย้ำว่าเขาคือกองหน้าระดับโลก เมื่อผ่านมา 2 ฤดูกาลครึ่ง เขาซัดไปแล้ว 90 ประตู และจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน

เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ : อินเตอร์ มิลาน ย้ายไป เลสเตอร์ ซิตี้, 2015

ไนเจล เพียร์สัน กุนซือผู้นำ เลสเตอร์ กลับขึ้นมาเล่น พรีเมียร์ลีก หวังใช้ประสบการณ์ของ กัมบิอัสโซ่ มาช่วยทีม และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ โดยเขาเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชนะ 7 จาก 9 นัดสุดท้าย ทำให้ "จิ้งจอกสยาม" อยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไป ก่อนจะย้ายออกไปในหลังจบฤดูกาล และถัดมาหนึ่งซีซั่น "เดอะ ฟ็อกซ์" ก็สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ 

เจมส์ มิลเนอร์ : แมนฯ ซิตี้ ย้ายไป ลิเวอร์พูล, 2015

แมนฯ ซิตี้ ทุ่มเงิน 26 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัว เจมส์ มิลเนอร์ ไปร่วมทีม และเมื่อสัญญาหมดลงเข้าก็ย้ายไป ลิเวอร์พูล แบบไม่มีค่าตัว และทันทีที่มาถึง "แอนฟิลด์" เขาก็กลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่ "หงส์แดง" จำเป็นต้องมี นอกเหนือจากตำแหน่งผู้รักษาประตูแล้ว เขาสามารถเล่นได้ในทุก ๆ ตำแหน่งในสนาม และฤดูกาลนี้เขาจำเป็นต้องไปอุดรอยรั่วในตำแหน่งแบ็กซ้าย

ข้อมูลจาก thesun.co.uk

ภาพจาก AFP

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รวม 11 ดาวเตะค่าตัวฟรีที่เจ๋งสุด ๆ อัปเดตล่าสุด 7 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 17:01:12 35,289 อ่าน
TOP