โครเอเชีย 1-1 เดนมาร์ก (ดวลจุดโทษ 3-2) : อีกหนึ่งเกมสุดดราม่า
โครเอเชีย เอาชนะ เดนมาร์ก ในการดวลจุดโทษสุดระทึก หลังจากจบช่วงต่อเวลาพิเศษเสมอกัน 1-1 และจะผ่านเข้าไปพบกับ เจ้าภาพ รัสเซีย ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
กลายเป็นว่า ฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย วันที่สอง ทั้งสองคู่ต้องเล่นกัน 120 นาทีแล้วตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษเหมือนกัน
เกมนี้เริ่มต้นได้อย่างตื่นเต้น เมื่อ เดนมาร์ก ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีแรก จากจังหวะที่ได้เล่นลูกทุ่มไกลเข้ามาในกรอบเขตโทษ แล้ว มาธิอัส จอร์เกนเซ่น เก็บตกยิงเข้าไป
แต่ โครเอเชีย มาได้ประตูตีเสมอเร็วในอีก 3 นาทีต่อมาเท่านั้น แนวรับเดนมาร์กเคลียร์บอลกันไม่ดีกระดอนมาเข้าทาง มาริโอ มานด์ซูคิช จัดการระยะเผาขนไม่พลาด
หลังจากนั้นตลอดทั้งเกมทั้งสองทีมเหมือนจะเล่นเน้นความแน่นอนและไม่มีทีมไหนพลาดท่าอีก จนจบ 90 นาทีต้องไปเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษและความดราม่าก็เริ่มขึ้นหลังจากนี้ เมื่อ อันเต้ เรบิช ของ โครเอเชีย ได้บอลหลุดเดี่ยวแตะหลบ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ลไปแล้วทำให้ มาธิอัส จอร์เกนเซ่น ไม่มีทางเลือกเสียบ เรบิช ล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษไม่มีลังเล ขณะที่ จอร์เกนเซ่น โชคดีได้แค่ใบเหลือง
ทว่า โครเอเชีย กลับไม่ได้ประตูชัยจากจังหวะนี้ ลูก้า โมดริช กลับยิงจุดโทษไปถูก ชไมเคิ่ล เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
จบ 120 นาที ต้องมาตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และพระเอกของเกมนี้ก็คือผู้รักษาประตูของทั้งสองทีมที่ผลัดกันโชว์การเซฟ แต่สุดท้ายเป็น ดานิเยล ซูโบซิช ที่เซฟได้มากกว่า พา โครเอเชีย เฉือนชนะ เดนมาร์ก 3-2
โครเอเชีย ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมมาด้วยผลางานสุดเพอร์เฟ็คต์ โดยเกมแรกเอาชนะ ไนจีเรีย 2-0 ต่อด้วยการกด อาร์เจนตินามิดไมล์ 3-0 ต่อด้วยเอาชนะไอซ์แลนด์ 2-1 แน่นอนว่าพวกเขาเก็บได้ 9 คะแนนเต็ม และสภาพทีมก็ถือว่าสมบูรณ์แบบสุด ๆ ไปเลย โดยจอมทัพอย่าง ลูก้า โมดริช ท็อปฟอร์มสุด ๆ เช่นเดียวกับ อีวาน ราคิติช
เดนมาร์ก ผ่านเกมแรกด้วยการเอาชนะ เปรู ได้ 1-0 จากนั้นก็เสมอกับ ออสเตรเลีย 1-1 ส่วนเกมสุดท้ายเสมอกับ ฝรั่งเศส ไป 0-0 และด้วย 5 คะแนนล้ำค่าทำให้พวกเขาเข้ารอบมาได้ แน่นอนว่าจุดเด่นของ เดนมาร์ก อยู่ที่ คริสเตียน อีริคเซ่น จอมทัพตัวเก่ง ขณะที่ตัวความอีกคนอย่าง ปิโอเน่ ซิสโต้ ยังต้องเร่งฟอร์มให้จัดจ้านกว่านี้ แต่โชคยังดีที่มี แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล คอยปกกันประตู
สำหรับคู่นี้เจอกัน 5 นัดหลังสุด โครเอเชีย ชนะ 2 เดนมาร์ก ชนะ 2 เสมอ 1 โดยเกมล่าสุดเจอกันในเกมอุ่นเครืองเมื่อปี 2004 โครเอเชีย เอาชนะ ไปได้ 2-1
โครเอเชีย ผู้รักษาประตูจากโมนาโก ดานิเยล ซูบาซิช, ปราการหลังคู่ โดมากอย วีด้า กับ เดยัน ลอฟเรน หรือ เวดราน ชอร์ลูก้า, แบ็คซ้าย อิวาน สตรินิช หรือ โยซิป พิวาริช, แบ็คขวา ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้, แดนกลาง มาเตโอ โควาซิช หรือ มาร์เซโล่ โบรโซวิช, อิวาน ราคิติช, อันเดรย์ ครามาริช หรือ มิลาน บาเดลจ์, ลูก้า โมดริช, อิวาน เปริซิช, ศูนย์หน้า มาริโอ มานด์ซูคิช
เดนมาร์ก ผู้รักษาประตูจากเลสเตอร์ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ อันเดรียส คริสเตนเซ่น กับ ซิมอน เคียร์, แบ็คซ้าย เยนส์ สตรายเกอร์ ลาร์เซ่น, แบ็คขวา เฮนริค ดาลสการ์ด, กองกลาง โธมัส เดลานี่ย์, มาร์ติน เบรธเวท, ลาสส์ โชน, ยุสซุฟ โพลเซ่น, คริสเตียน เอริคเซ่น, หน้าเดี่ยว นิโคไล ยอร์เกนเซ่น
ที่สนาม นิชนีย์ นอฟโกรอด สเตเดี้ยม เมืองนิชนีย์ นอฟโกรอด โครเอเชีย อันดับ 20 ฟีฟ่า เวิลด์แรงกิ้ง 5 นัดหลัง ชนะ 4 แพ้ 1 ล่าสุดได้ประตูชัยท้ายเกมชนะ ไอซ์แลนด์ ด้าน เดนมาร์ก อันดับ 12 จากการจัดอันดับโลกโดยฟีฟ่า 5 นัดหลัง ชนะ 2 เสมอ 3 ล่าสุดยันเสมอ ฝรั่งเศส กับรอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ทีมตราหมากรุก แชมป์กลุ่มดี ฟอร์มเยี่ยมทีเดียวจากการ ชนะรวด 3 นัดรอบแบ่งกลุ่ม ทาง ทีมจากแดนโคนม รองแชมป์กลุ่ม ซี เสมอ 2 เกมติดจากรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ไม่แพ้ใคร 7 เกมติดกันจากทุกรายการ ทั้งคู่เคยพบกันมา 5 ครั้ง สถิติสูสีพอกันเลย ทว่า ขุนพลโครแอต อยู่ในช่วงท๊อปฟอร์ม แถมได้พักนักเตะตัวหลักมาจากนัดล่าสุด โอกาสจะเฉือนชนะ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย มีสูงจริง ๆ