ฟุตบอลโลก 2018 : เบลเยียม - อังกฤษ

เบลเยียม 2-0 อังกฤษ : เบลเยียมเยี่ยมตามฟอร์ม

ฟุตบอลโลก 2018 นัดชิงที่ 3 จบเกม เบลเยียม ชนะ อังกฤษ 2-0 คว้าอันดับ 3 ไปครอง และนี่คือผลงานดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก ส่วนอังกฤษการคว้าอันดับ 4 คือผลงานเท่ากับที่เคยทำได้ในปี 1990

เกมนี้ทั้งสองทีมส่งผู้เล่นแทบจะเป็นชุดที่ดีที่สุด เบลเยียมมีสามประสานแนวรุก เอแด็น อาซาร์ เควิน เดอ บรอยน์ และ โรเมลู ลูกากู ส่วนอังกฤษ นำโดย แฮร์รี่ เคน แต่มี เดเล่ อัลลี่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ถูกถอดออกเป็นตัวสำรอง

เริ่มเกมขึ้นมา เบลเยียม ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากการยิงของ โทมัส มูนิเย่ร์ นาที 4 และหลังจากนั้นยังเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่าตลอด 45 นาทีแรก

ครึ่งหลัง อังกฤษแก้เกมมาดีและเล่นดีกว่าเดิม มีโอกาสกดดันเข้าใส่เบลเยียมมากขึ้นและน่าจะได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ เอริค ดายเออร์ หลุดเข้าไปยกบอลผ่าน ธิโบต์ กูร์กตัวร์ส ไปแล้ว แต่โดน โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ สกัดบอลไว้ก่อนจะข้ามเส้น

ช่วงท้ายเกม จังหวะสวนกลับของเบลเยียมก็เป็นผลจนได้ อาซาร์ หลุดเข้าไปล่อเป้าซัดบอลผ่าน จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปอย่างเหนือชัน เป็นประตูปิดกล่อง 2-0 ให้ เบลเยียม

A very strong start from @BelRedDevils! #BELENG 1-0 // #WorldCup pic.twitter.com/gJ1Qk7YNcQ

— FIFA World Cup 🏆 (@FIFAWorldCup) July 14, 2018

พรีวิว เบลเยียม v อังกฤษ : เจอกันอีกครั้งขอจริงจังกว่าหนแรก

ฟุตบอลโลก 2018 นัดชิงที่ 3 เป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่าง "ปิศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยียม กับ "สิงโตคำราม" อังกฤษ

ทั้งสองทีมเจอกันในมารอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งตอนนั้น เบลเยียม เป็นฝ่ายชนะได้ 1-0 ในเกมที่ไม่ได้มีผลต่อการเข้ารอบแล้ว และทั้งสองทีมก็ส่งตัวสำรองลงเล่นเกือบทั้งหมด

ส่วนในเกมนี้ แม้จะเป็นแค่การชิงอันดับ 3 แต่เชื่อว่าทั้งสองทีมจะใช้ทีมชุดที่ดีที่สุด หรืออย่างน้อยกว่าใช้ตัวจริงลงเล่นมากกว่าครั้งแรกที่เจอกัน เพราะหลังจากผิดหวังในรอบตัดเชือกมา คงไม่มีใครปิดฉากทัวร์นาเมนต์ด้วยความพ่ายแพ้อีก

เกมนัดนี้ยังจะเป็นเกมที่ แฮร์รี่ เคน กับ โรเมลู ลูกากู จะได้วัดฝีเท้ากันเพื่อชิงตำแหน่งดาวซัลโว โดย เคน ยิงไปแล้ว 6 ประตู ส่วน ลูกากู ยิงไป 4 ประตู ซึ่งก็ยังถือว่ามีโอกาสไล่ตามกันทัน

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เทรนเนอร์ทีมชาติเบลเยียม : "วงการฟุตบอลเยียม มีนักฟุตบอลดาวรุ่งที่พรสวรรค์สูงมากมายและในฐานะที่ผมอยู่ตรงนี้ ผมขอมองไปที่ ยูโร 2020"

"ส่วนตอนนี้เราก็ต้องโฟกัสไปที่เกมสุดท้าย การกลับมาเล่นที่ เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และโอกาสที่จะสู้เพื่ออันดับ 3 จากนั้นเราจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง เราต้องมองไปที่กลุ่มผู้เล่นรุ่นต่อไปและพยายามสร้างทีมให้แข็งแกร่งขึ้นสำหรับทัวร์นาเมนต์หน้า"

แกเร็ธ เซาท์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ : "ความจริงก็คือนี่คือเกมที่ไม่มีทีมไหนอยากจะลงเล่น เรามีเวลาเตรียมตัวกัน 2 วัน เราต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อศักดิ์ศรีเรื่องนั้นไม่ต้องสงสัยเลย มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วทุกครั้งที่คุณสวมเสื้อทีมชาติลงสนาม เราเล่นเพื่อศักดิ์ศรี เราจะเล่นให้ดีและชนะให้ได้"

สถิติน่าสนใจ

- ทั้งสองทีมเพิ่งเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่ง เบลเยียม ชนะ อังกฤษ 1-0

- และหลังจากเกมนั้นทำให้สถิติพบกันของทั้งสองทีมจากทั้งหมด 22 นัด อังกฤษชนะ 15 เสมอ 5 และ เบลเยียมชนะ 2 นัด

- ก่อนหน้านี้หนล่าสุดที่มีทีมลงเล่นกัน 2 นัดในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกก็คือ ตุรกีกับบราซิล ในปี 2002

- เบลเยียมเคยลงเล่นนัดชิงที่ 3 ฟุตบอลโลกมาแล้วเมื่อปี 1986 ซึ่งครั้งนั้นแพ้ต่อฝรั่งเศส 2-4 ในการเล่นต่อเวลาพิเศษ

- ส่วนอังกฤษเคยลงเล่นนัดชิงที่ 3 กับเจ้าภาพอิตาลี ในปี 1990 และเป็นฝ่ายแพ้ไป 1-2

- อังกฤษทำสถิติยิงเข้ากรอบถึง 15 ครั้งในสองเกมแรกที่เล่นกับ ตูนิเซีย และ ปานามา แต่อีก 4 เกมต่อมาในการเล่นกับ เบลเยียม, โคลอมเบีย, สวีเดน และ โครเอเชีย พวกเขายิงเข้ากรอบแค่นัดละ 2 ครั้ง

- แฮร์รี่ เคน มีโอกาสสูงมากที่จะคว้าตำแหน่งดาวซัลโวในทัวร์นาเมนต์นี้ ถึงแม้ตั้งแต่ในรอบน็อกเอาต์เป็นต้นมา ทั้ง 3 เกมเขาจะยิงตรงกรอบไปแค่ครั้งเดียวนั่นคือการยิงจุดโทษในนัดที่พบกับ โคลอมเบีย