เรือใบทำสำเร็จ
ฟิล โฟเด้น โขกเผาขนตั้งแต่ 5 นาทีแรก เป็นประตูชัยให้ แมนฯ ซิตี้ เอาชนะ สเปอร์ส 1-0 เป็นการแก้มือจากเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์ได้สำเร็จ และทำให้ทีม เรือใบสีฟ้า กลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง
กองกลางดาวโรจน์วัย 18 ปี ได้โขกจ่อ ๆ จากระยะแค่หลาเดียวหน้าปากประตู จากจังหวะโหม่งชงมาให้โดย เซร์คิโอ อเกวโร่ และนี่เป็นประตูแรกใน พรีเมียร์ลีก ของ โฟเด้น ด้วย
เกมนี้เริ่มต้นแทบจะเหมือนกับเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ จากการที่มีประตูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้ไม่มีดราม่าอะไรเกิดขึ้นอีก แม้ สเปอร์ส จะพยายามหาวิธีทำเกมสู้เพื่อเอาประตูคืนบ้าง แต่ แมนฯ ซิตี้ ไม่พลาดให้อีกเลย
จบเกม แมนฯ ซิตี้ ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงโดยมีคะแนนมากกว่า ลิเวอร์พูล 1 แต้ม ขณะที่ สเปอร์ส แพ้เป็นนัดที่ 11 ในฤดูกาลนี้และมีสิทธิ์จะโดนทั้ง อาร์เซน่อล กับ เชลซี เบียดร่วงไปอันดับ 5
พรีวิวก่อนเกม
3 วันให้หลัง หลังจาก สเปอร์ส สร้างผลงานยอดเยี่ยมบุกไปเขี่ย แมนฯ ซิตี้ ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงบ้าน ศึกนัดแก้มือก็ได้เวลามาถึงกันอย่างรวดเร็วทันใจเมื่อทั้งสองทีมต้องมาเจอกันอีกครั้งในเกม พรีเมียร์ลีก
เกมนัดนี้นอกจากจะเป็นโอกาสที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับลูกทีมจะได้ล้างแค้น สเปอร์ส แล้ว สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นคือพวกขากำลังต้องการคะแนนเป็นอย่างยิ่งเพื่อที่จะสู้ในเส้นทางลุ้นแชมป์กับ ลิเวอร์พูล และดูเหมือนแค่คะแนนเดียวไม่พอด้วยซ้ำ ต้องได้ 3 แต้มเท่านั้น
ทว่าในฝั่งของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เอง สเปอร์ส ของเขาก็ยังคงต้องการคะแนนเหมือนกันเพราะการลุ้นอันดับท็อป 4 ก็เป็นไปอย่างสูสีคู่คี่ไม่แพ้การลุ้นแชมป์เลยทีเดียว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขาดแค่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ กับ เคลาดิโอ บราโว่ เพราะยังรักษาอาการบาดเจ็บ, นายด่านดาวรุ่งชาวบราซิลเลียน เอแดร์ซอน โมราเอส, คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ กับ จอห์น สโตนส์ หรือ แว็งซ็อง ก็องปานี, แบ็กซ้าย เบนฌาแม็ง เมนดี้ หรือ ฟาเบียน เดลฟ์, แบ็กขวา ไคล์ วอล์คเกอร์, กองกลาง แฟร์นันดินโญ่ หรือ อิลคาย กุนโดกัน, ดาบิด ซิลบา, เควิน เดอ บรอยน์, สามประสานในแนวรุก ลีรอย ซาเน่ หรือ แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน หรือ กาเบรียล เชซุส
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส จะไม่มี แฮร์รี่ เคน, มูสซ่า ซิสโซโก้, แฮร์รี่ วิงค์ส, แซร์ช โอริเย่ร์ และ เอริค ลาเมล่า ที่ต่างก็ยังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่เดิม, นายด่านเฟร้นช์ อูโก้ โยริส, ปราการหลังคู่หูชาวเบลเยียม แยน แฟร์ต็องเก้น กับ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แบ็กซ้าย แดนนี่ โรส, แบ็กขวา คีแรน ทริปเปียร์, แดนกลาง วิคเตอร์ วานยาม่า, คริสเตียน เอริคเซ่น, เดเล่ อัลลี่, ลูคัส มูร่า, ซน ฮึง-มิน, ศูนย์หน้า เฟร์นานโด ยอเรนเต้
ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง 5 นัดหลัง ชนะ 4 แพ้ 1 ล่าสุดเปิดบ้านชนะ สเปอร์ส อย่างสุดมัน แต่ด้วยสกอร์รวมก็ไม่เพียงพอ จึงตกรอบ แชมเปี้ยนส์ลีก ฟาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส อันดับ 3 ห้านัดหลัง ชนะ 3 แพ้ 2 ล่าสุดออกไปพ่าย แมนฯซิตี้ แต่ก็ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยกฎอเวย์โกล
บิ๊กแมตช์นัดที่ 35 ของฤดูกาล เรือใบสีฟ้า สุดเจ็บใจมาจากเกมล่าสุด ถึงจะเป็นการชนะ 2 นัดหลังสุดก็ตาม และเป็นการชนะรวด 13 นัดติดต่อกันทุกรายการยังรังเหย้าแห่งนี้ รับการมาเยือนของ ไก่เดือยทอง ที่สุดดีใจจากการเข้ารอบตัดเชือก ยูซีแอล ถึงจะถูกหยุดการชนะรวดไว้ที่ 3 เกม และแพ้ 3 เกมเยือนล่าสุด ทั้งสองทีมเพิ่งซัดกันมันส์หยดมาเมื่อ 3 วันก่อนในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งซิตี้ของเป๊ป จำต้องอกหัก แต่ก็ต้องมาตั้งใจกันต่อกับลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ 5 นัดที่เหลืออยู่รวมนัดนี้ ทาง สเปอร์สของพอช ก็ยังต้องรักษาพื้นที่ท็อปโฟร์ โดยสถิติย้ำว่าการพบกัน 3 นัดล่าสุดในลีกของทั้งคู่ ซิตี้ ชนะรวด และหากชนะจะยึดจ่าฝูงคืนได้ชั่วคราวอีกครั้ง มีแรงจูงใจชั้นดีรออยู่อย่างนี้ คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สามแต้ม