
ลูกยิงช่วงทดเจ็บนาทีที่ 2 ของหัวหอกขวัญใจชาวเมืองทองฯ "ซูมาโฮโร ยายา" ช่วย ปลุกวิญญาณแฟนๆ ทั้งสนามธันเดอร์โดม ให้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เพราะเป็นประตูตัดสินแชมป์ที่ทำให้ เมืองทองฯ ได้ถูกจารึกว่าชื่อเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของไทย ประจำปี 2009 แม้ว่าจะห่างทีมชลบุรี เอฟซี เพียง 3 แต้ม และเหลือเกมอีกหนึ่งนัด นั่นเพราะสถิติเฮดทูเฮด เมืองทองฯ ดีกว่านั่นเอง
ขณะ ที่ ชัยชนะ 1-0 ของ พลพรรค "ฉลามชล" ที่อุตส่าห์ยังไม่ถอดใจ บุกไปเถือ ราชนาวี-ระยอง ก็ไม่อาจช่วยให้พวกเขาต่อลมหายใจในการลุ้นแชมป์ออกไปจนถึงนัดฎีกาสุดท้ายใน สัปดาห์หน้า หลังเมืองทองฯ ซิวชัยเหนือ โอสถสภา เอ็ม-150 ไปได้สำเร็จ 2-1 ท่ามกลางบรรยากาศการเชียร์เต็มไปด้วยสีสันตลอดทั้งเกม จากแฟนๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจกันแน่นขนัด
โรเบิร์ต โปร์กูเรอร์ ผู้จัดการทีมตาน้ำขาวของเมืองทองฯ ที่ออกท่าทางเชียร์ขุนพลในสังกัดตลอดทั้งเกมอย่างถึงพริกถึงขิง เปิดใจว่า "วันนี้ เราได้สร้างประวัติศาสตร์ ที่น่าเหลือเชื่อ เรามีีความสุขมาก ตอนนี้ เราคว้าแชมป์มาครอง และกลายเป็นทีมที่ดีสุด ไม่มีใครเคยทำได้ในการคว้าแชมป์ 3 ฤดูกาลติด จากดิวิชั่น 2 ถึงไทยพรีเมียร์ลีก เราคว้าชัยในช่วงทดเจ็บและคว้าแชมป์ในที่สุด มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ"
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญของการคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกของเมืองทองฯ ในวันนี้ เป็นเพราะมันสมองและสองมือของ อรรถพล บุษปาคม โค้ชคนเก่งของทีม "กิเลนผยอง" ที่เข้ามาวางแท็กติกรูปแบบการเล่นเกมรุกที่ตื่นเต้นเร้าใจ อย่างไรก็ตาม "โค้ชแต๊ก" ก็ได้กล่าวยกความดีความชอบให้กับฝ่ายบริหาร, ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช แฟนคลับ และตัวของนักกีฬาเองด้วย ที่ช่วยผลักดันสนับสนุนให้ทีมมาไกลถึงขนาดนี้
การคว้าแชมป์ว่ายาก แล้ว แต่การป้องกันแชมป์สิ เป็นอะไรที่ยากกว่า น่าจะเป็นวลีฮิตติดปากที่วงการกีฬาเข้าใจดี ซึ่งกุนซือทีมเมืองทองฯ ได้กล่าวถึงการเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้าว่า "คิดว่าต้องปรับเปลี่ยนทีมแน่นอน เพราะฤดูกาลนี้มีปัญหาขุมค่อนข้างจำกัด โดยอาจมีการดึงผู้เล่นต่างชาติที่มีคุณภาพ และผู้เล่นบิ๊กเนมระดับทีมชาติเข้ามาใหม่อีก 2-3 คน เพื่อเสริมแกร่งรักษาแชมป์ไว้ให้ได้
" โค้ชแต๊ก" กล่าวถึงความตื่นตัวในวงการลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีกในปีนี้ ว่า "ไทยลีกปีนี้ ค่อนข้างเติบโตอย่างรวดเร็ว จนกฎระเบียบบางข้อไม่สามารถครอบคลุมถึง ฝากถึงไทยพรีเมียร์ลีก ช่วยออกกฎให้ควบคุมการแข่งขันในไทยลีกปีต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่มีให้กับกรรมการ ทีมเหย้า และทีมเยือน"
ด้าน "กึ้ง" เฉลิมชัย มหากิจศิริ ที่ เข้านั่งตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรเมืองทองฯ เผยว่า ตนดีใจมาก ที่ทีมได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ดิวิชั่น 2 ถึง ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเขายอมรับว่ากระแสปีนี้ แฟนบอลให้การต้อนรับอย่างมาก ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งช่วยให้คนไทยหันมาสนใจฟุตบอลไทยมากขึ้น รวมทั้งได้พัฒนาศักยภาพของนักเตะไทย ในอนาคต จะพยายามผลักเด็กเยาวชนในสถาบันฟุตบอล เจเอ็มจี อะคาเดมี เพื่อเข้ามาเป็นเลือดใหม่ให้กับทีมเมืองทองฯ เพื่อป้องกันแชมป์ต่อไป
ในส่วนของสองนักเตะกำลังสำคัญของเมืองทองฯ อย่าง "เจ้าตอง" กวิน ธรรมสัจจานันท์ โกล์ดาวรุ่งอนาคตไกล เผยว่า รู้สึกดีใจมาก เพราะเป็นแชมป์ครั้งแรกของตัวเองที่เล่นให้กับทีมไทยลีก พร้อมกล่าวขอบคุณแฟนบอลทุกคนมากทีมเข้ามาเชียร์กันเต็มสนาม ไม่ว่าจะเป็นแมตช์ที่ไหน
ขณะที่ "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์ หน้าตัวเก่งทีมชาติไทย ก็กล่าวไม่ต่างกัน โดยเขาระบุว่า ดีใจที่ทีมสามารถคว้าแชมป์ได้ก่อนปิดเลก แต่ฤดูกาลหน้า คิดว่ายังคงต้องมุ่งมั่น, ฝึกซ้อม และทำงานหนักต่อไป และขอขอบคุณแฟนบอลทุกคนที่เข้ามาเชียร์ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด และ เข้ามาเป็นกำลังใจให้กับนักฟุตบอลทุกๆ คน
แม็ทธิว ดีน ดารา นักร้องชื่อดัง หนึ่งในสาวกทีมเมืองทองฯ ที่เข้ามาเชียร์ทีมโปรด กล่าวว่า "แฟนบอลที่มาเชียร์เมืองทองฯในวันนี้ มีส่วนสำคัญที่ทำให้นักเตะในสนามฮึกเหิม และความแชมป์ได้สำเร็จ คิดว่าปีหน้าคิดว่า ฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ย่ิงใหญ่ขึ้น เพราะตอนนี้บรรยากาศแทบจะไม่ต่างจากฟุตบอลต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีมากสำหรับวงการฟุตบอลไทย"
เรียกได้ว่าเป็น ความสำเร็จแบบขั้นบันได สำหรับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองทองฯ สมัยแรกในปีนี้ เพราะหลังจากที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 1 เพียงปีเดียว เมื่อฤดูกาล 2008 พวกเขาก็ประกาศศักดิ์ดาความยิ่งใหญ่ของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม
ความ ดีความชอบ ก็คงต้องปรบมือให้กับทีมผู้บริหารสโมสรที่ไม่เพียงแต่มีเงิน แต่ต้องมีวิสัยทัศน์ด้วย จากทีมเล็กๆ ซึ่งจดทะเบียน กับสมาคมฟุตบอล ในพ.ศ.2532 ภายใต้ชื่อ "หนองจอกพิทยานุสรณ์" ซึ่งผ่านการทำทีมมาหลายน้ำก่อนหน้านี้
จนในที่สุด ภายใต้การบริหารงานของ ระวิ โหลทอง ประธาน กรรมการบริหารแห่งสยามสปอร์ต สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของไทย พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองทอง-หนองจอก" เพื่อลงเล่นในดิวิชั่น 2 ซึ่งพวกเขาก็สร้างผลงานสุดยอด คว้าแชมป์ลีกได้ 3 ฤดูกาลติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่ ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 2007, ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2008 และ ล่าสุดก็คือใน ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2009
เชื่อเหลือเกินว่า ฤดูกาลหน้า เมืองทองฯ ยูไนเต็ด จะยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวทั้งในสนามและนอกสนามต่อไป หลังจากที่สามารถสร้างรากฐานของทีมฟุตบอลตัวอย่างของไทยได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อรองรับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคตไว้พร้อมเรียบร้อย ทำให้ดูแล้ว ชลบุรี สโมสรต้นแบบดั้งเดิมของไทยลีกยุคใหม่ คงต้องมีการบ้านยากๆ หลายข้อเอากลับไปทำช่วงปิดฤดูกาลนี้เสียแล้ว หากหวังจะกลับมาทวงเบอร์ 1 ในศึกลูกหนังไทยลีกอีกครั้ง
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก