ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี 1 - 0 แมนฯ ยูไนเต็ด
เกมบิ๊กแมตช์ซูเปอร์ซันเดย์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซีทีมจ่าฝูงลงทำศึกนัดสำคัญในสภาพฟูลทีมสุดขีดทั้ง 11 ตัวจริงและขุมกำลังสำรอง ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งหล่นไปอยู่ในอันดับสามของตารางแล้ว และมีสภาพทีมค่อนข้างขี้เหร่โดยเฉพาะแนวรับซึ่งริโอ เฟอร์ดินานด์ยังบาดเจ็บ ขณะที่เนมานย่า วิดิชมีชื่อนั่งอยู่ในซุ้มข้างสนาม ส่วนแกรี่ เนวิลล์ติดโทษแบน อีกทั้งกองหน้าดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟก็ยังไม่ฟิต
ปีศาจแดงเริ่มเกมอย่างมั่นใจ เป็นฝ่ายคุมจังหวะเอาไว้ แต่ผ่านมาสี่นาทีบรานิสลาฟ อิวาโนวิชแบ็คขวาเจ้าบ้านก็โชว์ลีลาลากบอลลุยขึ้นมาหาโอกาสซัลโวยัดใส่เสาแรก ดีที่ว่าเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ไม่เผลอล้มตัวตะปบไว้ได้
นับจากนั้นแผงกลางของสิงโตลอนดอนก็เริ่มคุมสถานการณ์เอาไว้ แต่เกือบเสียหายไปเหมือนกันในนาทีที่ 8 จากการผ่านบอลทะลุช่องของอันแดร์สันที่เปิดทางให้เวย์น รูนีย์หลุดเดี่ยว แต่โชคร้ายที่ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าทั้งๆที่แอชลีย์ โคลห้อยท้ายอยู่อีกฝั่ง
เกมโดยรวมของแชมป์เก่ายังไม่เป็นรองเจ้าบ้านเท่าไหร่ จากนั้นในนาทีที่ 14 อันโตนิโอ วาเลนเซียก็มีพื้นที่พาบอลลุยเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วถูกจอห์น เทอร์รี่ตามมาเบียดล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่ ทว่าผู้ตัดสินมองว่าไม่สมควรเป็นลูกโทษของอาคันตุกะ
แมนฯ ยูไนเต็ดพยายามเดินเครื่องกันใหม่ แต่เป็นเชลซีที่ได้ลุ้นบ้างในนาทีที่ 18 จากลูกที่มิชาเอล บัลลัคตักบอลจากแถวสองเข้าไปในเขตโทษให้ดิดิเยร์ ดร็อกบาโดดโขกจาก 10 หลา แต่ไม่ตรงกรอบ
นับจากนั้น เชลซีก็เป็นฝ่ายบุกได้มากกว่าแล้ว และถึงนาทีที่ 28 นิโกล่าส์ อเนลก้าก็โยกหนีปาทริซ เอวร่าหาช่องกระทุ้งเรียดจากหน้าเขตโทษด้านขวาเข้าหาเสาแรก เดือดร้อนให้ฟาน เดอร์ ซาร์ต้องทิ้งตัวเซฟอีกครั้ง
ถัดมาอีกสามนาที ไมเคิ่ล คาร์ริคก็พาบอลลุยขึ้นไปสับไกจากระยะ 30 หลา แต่ไม่ดีพอที่จะผ่านมือของปีเตอร์ เช็ก และเป็นเจ้าถิ่นที่เกือบได้ไชโยในนาทีที่ 32 โดยอเนลก้าสบโอกาสซัดลูกปั่นโค้งจากริมเขตโทษด้านขวา แต่เดอร์ ซาร์ยังผวาปัดทิ้งได้
กระทั่งนาทีที่ 39 แอชลีย์ โคลก็วิ่งไปชนกับเทอร์รี่บริเวณกลางสนามในจังหวะเข้าหาบอลด้วยกันทั้งคู่จนกัปตันสิงโตน้ำเงินครามล้มเจ็บ กระนั้นเชลซีก็เดินเกมรุกต่อก่อนจะถูกปีศาจแดงตัดได้แล้วเตรียมโต้กลับ แล้วสิงห์เชิ้ตดำมาเป่าหยุดเกมเลยทำเอาเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันลุกจากม้านั่งออกมาโวยใส่ผู้ตัดสินที่สี่
ท้ายครึ่งแรก เชลซีโหมบุกหนักขึ้นหมายทะลวงประตูให้ได้ แต่ไม่เป็นผล ครบ 45 นาทีเกมจึงยุติแบบโนสกอร์
ครึ่งหลัง สิงห์บลูส์โหมบุกทันที แต่นาทีที่ 58 อิวาโนวิชก็โดนจดชื่อเป็นคนแรกของเกมในจังหวะสกัดไรอัน กิ๊กส์ไม่ให้กระชากบอลหนี นาทีที่ 61 เจ้าบ้านมีเสียวเล็กๆเมื่ออเนลก้าจ่ายบอลยาวจากกราบขวาเข้าเขตโทษถูกดาร์เรน เฟล็ทเชอร์โขกทิ้งออกมาทำให้แฟร้งค์ แลมพาร์ดได้ตะบันสวนกลับเข้าไป แต่ไม่มีความรุนแรงจึงไม่พ้นมือฟาน เดอร์ ซาร์
ถัดมาอีกสามนาที เชลซีเปลี่ยนโจ โคลลงไปเติมความจี๊ดจ๊าดแทนเดโก้ และเป็นการฉลองวันเกิดอายุ 28 ปีของตัวสำรองทีมเงินถังด้วย อย่างไรก็ดี นาทีที่ 67 ผีแดงก็เกือบสอยตาข่ายได้จากจังหวะที่วาเลนเซียได้บอลทางกราบขวาแล้วจ่ายคืนให้รูนีย์เข่นแถวริมเขตโทษ ส่งบอลเฉี่ยวเสาไกลออกไปนิดเดียว
และแล้วนาทีต่อมา รูนีย์ก็ได้โอกาสซัลโวลูกปั่นโค้งจากหน้าเขตโทษฝั่งซ้าย แต่เช็กสปริงตัวปัดทิ้งที่เสาสองได้สำเร็จ
เกมของทีมเยือนเริ่มกดดันเจ้าบ้านได้มากขึ้นทุกที แต่ถึงนาทีที่ 72 จอห์นนี่ อีแวนส์ไปกระโดดยันใส่หน้าอกของดร็อกบาในเขตโทษชัดเจนขณะดวลลูกโด่งกัน แต่ผู้ตัดสินไม่ทันเห็นเหตุการณ์ทำให้แชมป์เก่ารอดตัวไม่เสียลูกโทษ ซ้ำร้ายกองหน้าเชลซียังได้ใบเหลืองข้อหาสำออยอีกต่างหากทั้งๆที่เจ็บตัวเลยทำให้เรย์ วิลกิ้นส์ผู้ช่วยผู้จัดการทีมเชลซีต้องออกมาโวยผู้ตัดสินที่สี่เช่นกัน
แต่แล้วนาทีที่ 76 สิงโตลอนดอนก็มาได้ลูกฟรีคิกทางกราบซ้ายหลังเฟล็ทเชอร์ทำฟาวล์แอชลีย์ โคล แลมพาร์ดจึงโยนบอลเข้าไปหน้าประตูโดยมีเทอร์รี่โขกจาก 12 หลาเข้าเสาไกลพาเชลซีนำ 1-0 และรูนีย์ได้ใบเหลืองด้วยโทษฐานโวยว่าดร็อกบาน่าจะทำฟาวล์ในเขตโทษ
ถึงตรงนี้ ทีมเยือนจึงเดินหน้าลุยแหลก แต่ก็ทวงประตูคืนไม่ได้ จบเกมเชลซีจึงกำชัยไป 1-0 ได้รั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อ พร้อมกับทิ้งอาร์เซน่อล และ แมนฯยูฯเป็น 5 แต้มเข้าให้แล้ว
รายชื่อผู้เล่น
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล, มิกาเอล เอสเซียง, มิชาเอล บัลลัค, เดโก้, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
สำรอง : ฮิลาริโอ, เปาโล แฟร์ไรร่า, อเล็กซ์, จอห์น โอบี มิเกล, โจ โคล, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซาโลมง กาลู
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, จอห์น โอเช, เวส บราวน์, โจนาธาน อีแวนส์, ปาทริซ เอวร่า, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, อันแดร์สัน, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนี่ย์
สำรอง : โทมัส คุสแซ็ค, เนมานย่า วิดิช, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, ดาร์รอน กิ๊บสัน, พอล สโคลส์, กาเบรียล โอแบร์กต็อง, ไมเคิ่ล โอเว่น
ผลบอล พรีเมียร์ลีก ทุกคู่ คลิกที่นี่
ภาพข่าวจาก http://sports.yahoo.com
