
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี้ 0 - 0 ลิเวอร์พูล
เกมคู่สำคัญที่ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งนัดล่าสุดทำได้แค่เสมอกับสโต๊คเปลี่ยนผู้เล่นถึงหกราย โดยเฉพาะแนวรับปรับทัพมากถึงสามตำแหน่ง ขณะที่เคร็ก เบลลามี่ ซึ่งตกเป็นข่าวว่ามีปัญหากับเจ้านายหายเจ็บเข่าได้นั่งเป็นตัวสำรอง ถึงกระนั้น คาร์ลอส เตเวซ ยังเฝ้าภรรยาที่ใกล้คลอดอยู่ในบ้านเกิด ส่วน ปาทริค วิเอร่า ติดโทษแบน ขณะที่ มาร์ติน เปตรอฟ มีปัญหาบาดเจ็บ
ด้านลิเวอร์พูลได้ เฟร์นานโด ตอร์เรส หายเดี้ยงกลับมานั่งอยู่ในซุ้มเช่นเดียวกับ ยอสซี่ เบนายูน มีการเปลี่ยนขุมกำลังจากเกมยูโรปาลีกสี่ชีวิตให้ ไรอัน บาเบิล, ลูคัส เลวา, มักซี่ โรดริเกซ และ เอมิลิอาโน่ อินซัว ลงบู๊เป็นตัวจริงแทน อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, อัลเบิร์ต ริเอร่า และ ดาวิด เอ็นก๊อก
เกมเริ่มต้นโดยลิเวอร์พูลเดินเกมรุกเข้าหากดดันแมนฯ ซิตี้ก่อนในช่วงแรก ทว่าไม่มีทีเด็ดทีขาดแม้แต่น้อย ต้องรอจนกระทั่งนาทีที่ 25 กว่าจะหาโอกาสได้ลุ้นจากลูกทุ่มด้านขวาที่ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เขี่ยต่อให้ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กระชากเข้ามาเข่นด้วยเท้าซ้ายระยะ 18 หลา ส่งบอลโด่งออกไป
จากนั้นในนาทีที่ 31 มาสเคราโน่ก็โดนจดชื่อในจังหวะยกเท้าดัก ปาโบล ซาบาเลต้า ล้ม ขยับมาอีกเจ็ดนาที แมนฯ ซิตี้ได้เสียวเช่นกันเมื่อซาบาเลต้าได้กระทุ้งจังหวะเก็บตกจากแถวสอง แต่บอลไปกระทบ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ที่พยายามแหย่ขาเปลี่ยนทิศหลุดกรอบไป
จวบจนนาทีที่ 44 จากลูกเตะมุมด้านขวาของเจอร์ราร์ด หงส์แดงก็น่าจะขึ้นนำอย่างยิ่งเมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล เทกตัวสูงกว่า แว็งซ็องต์ ก็องปานี จึงได้ขวิดเหน่งๆ จากห้าหลาหน้าปากประตู แต่สะบัดบอลออกเสาไกลไปเองอย่างไม่น่าเชื่อ
ผ่านเข้ามาในช่วงทดเวลาเจ็บ เจอร์ราร์ดก็ได้ใบเหลืองไปอีกรายในจังหวะสไลด์ใส่ โจลีออน เลสค็อตต์ จบครึ่งแรกทั้งคู่จึงยังเจาะไข่แดงกันไม่ได้จำต้องเสมอกันไป 0-0
ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ เปิดฉากบุกทันที น.60 แดเนียล แอ็กเกอร์ เตะบอลทิ้งไม่ดีมาเข้าทาง อเดบายอร์ยิงสวนเข้าไปจากหน้าเขตโทษ แต่ถูก โฆเซ เรน่า ปัดหลุดเสาแรกไปได้หวุดหวิด
สองนาทีถัดมาลิเวอร์พูลส่ง เบนายูน ลงมาเล่นแทน โรดริเกซ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ส่ง เคร็ก เบลลามี่ ลงมาแทน ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ในนาที 67 เกมผลัดกันรุก-รับ แต่ว่าไม่ค่อยจะมีจังหวะให้ลุ้นกันแบบหวังผล
นาที 73 เจอร์ราร์ดหาจึงหวะสับไกยิงด้วยซ้าย จากระยะ 20 หลาบอลพุ่งไปตรงตัว เชย์ กิฟเว่น และ นาทีถัดมาลิเวอร์พูลส่ง ตอร์เรส ลงมาแทน ไรอัน บาเบิล
ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองเกมบุกในช่วง 15 นาทีสุดท้าย แต่ใน น.79 แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นจากลูกเตะมุม บอลเลยไปถึง ไนเจล เด ยองก์ ที่เสาสอง แล้วตักกลับมากลางประตูให้อเดบายอร์โขกกลางประตู แต่บอลข้ามคาน
เกมผลัดกันรุก-รับในช่วง 10 นาทีสุดท้าย แต่ไม่มีจังหวะยิงแบบหวังผล หมดเวลาทั้งคู่จึงเสมอกันไป 0-0
รายชื่อผู้เล่น
แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กีฟเว่น, ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, เวย์น บริดจ์, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์, ไนเจล เด ยองก์, แกเร็ธ แบร์รี่, อดัม จอห์นสัน, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, เอมิเลียโน่ อินซัว, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลว่า, มักซี่ โรดริเกซ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ไรอัน บาเบิล, เดิร์ค เค้าท์
วีแกน 0 - 3 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
เดอะ ลาติกส์ ปรับแนวรับถอย พอล ชาร์เนอร์ ลงยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน ไตตัส บรัมเบิ้ล แล้วส่ง เฮนดรี้ โธมัส ลงตัวจริงในแดนกลางแทน ส่วนแนวรุกยังใช้ มาร์เซโล่ โมเรโน่ ดาวยิงโบลิเวียตัวใหม่ลงจับคู่กับ ฮูโก้ โรดาเยก้า ขณะที่ทีมเยือน ไก่เดือยทอง ปรับตำแหน่งเดียวส่ง นิโก้ ครานชาร์ ลงเล่นแทน ลูก้า โมดริช
เริ่มเกมขึ้นมา โอกาสของทั้งสองทีมมีน้อยจริงๆ เพราะพื้นสนามที่ย่ำแย่ ทำให้คอนโทรลบอลกันลำบากทีเดียว นาทีที่ 15 ไก่เดือยทอง หาจังหวะจากลูกยิงไกลของ เดวิด เบนท์ลี่ย์ แต่ไปตรง คริส เคิร์กแลนด์
เจ้าถิ่นหาจังหวะลุ้นทำประตูได้บ้างในนาทีที่ 22 ฮูโก้ โรดาเยก้า ทำชิ่งหนึ่งสองกับ มาร์เซโล่ โมเรโน่ หลุดเข้าไป แต่ เอเรลโญ่ โกเมส ปัดออกหลังทัน
สเปอร์ส มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 27 จากจังหวะที่ นิโก้ ครานชาร์ เปิดบอลให้ แกเร็ธ เบล เติมเกมขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนผ่านเรียดให้ เจอร์เมน เดโฟ ซึ่งยืนอยู่ตำแหน่งล้ำหน้า แปโล่งๆ เข้าไป แต่ไม่มีธงจากผู้ช่วยผู้ตัดสิน เป็นประตูที่ 17 ของ เดโฟ นับเฉพาะพรีเมียร์ลีก จบครึ่งแรก สเปอร์ส บุกนำ 1-0
ครึ่งหลัง ไก่เดือยทอง น่าได้ลูกสองในนาทีที่ 47 ปีเตอร์ เคร้าช์ เทกตัวโหม่งลูกเตะมุม แต่ไปตรงตัว คริส เคิร์กแลนด์ อีกครั้ง นาทีที่ 56 สเปอร์ส ต้องเสียกัปตันทีม เลดลี่ย์ คิง ที่มีอาการเจ็บหัวเข่าเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง เซบาสเตียง บาสซง ลงแทน
แต่เกมรุกของทีมเยือนก็ยังจัดจ้านกว่า นาทีที่ 62 ครานชาร์ แทงให้ เดโฟ หลุดเข้าไปกระหน่ำด้วยขวาในกรอบเขตโทษติดเซฟ เคิร์กแลนด์ หวุดหวิด ไก่เดือยทอง รอสวนกลับ และมีโอกาสบวกประตูเพิ่มในนาทีที่ 78 แต่ ปีเตอร์ เคร้าช์ ที่หลุดเดี่ยวไปแล้ว ก็ยิงผ่าน เคิร์กแลนด์ เข้าไปไม่ได้
สเปอร์ส มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในนาทีที่ 84 จากการประสานงานของสองตัวสำรอง ลูก้า โมดริช ผ่านบอลให้ โรมัน พาฟลิวเชนโก้ ล้มตัวซัดด้วยซ้ายผ่าน เคิร์กแลนด์ เข้าไป
นาทีสุดท้าย ไก่เดือยทอง มาได้ประตูปิดท้าย 3-0 ทอม ฮัดเดิ้ลสตัน เปิดฟรีคิกให้ พาฟลิวเชนโก้ โหม่งเช็ดไปติดเซฟ เคิร์กแลนด์ แต่แนวรับเจ้าถิ่นก็พลาดเองด้วย ทำให้ พาฟลิวเชนโก้ ยิงซ้ำด้วยเท้าซ้ายมุมแคบเข้าไป
จบเกม สเปอร์ส บุกถล่ม วีแกน 3-0 มีแต้มเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว แต่แซงขึ้นอันดับ 4 เพราะประตูได้เสียที่ดีกว่า
รายชื่อผู้เล่น
วีแกน : คริส เคิร์กแลนด์, มาริโอ เมลคิอ็อต, แกรี่ คัลด์เวลล์, พอล ชาร์เนอร์, มายนอร์ ฟิเกรัว, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, โมฮาเหม็ด ดิยาเม่, เฮนดรี้ โธมัส (วิคเตอร์ โมเซส น.56), ชาร์ลส์ เอ็นซ็อกเบีย, ฮูโก้ โรดาเยก้า, มาร์เซโล่ โมเรโน่ (สกอตต์ ซินแคลร์ น.76)
สำรองไม่ได้ใช้ : วลาดิเมียร์ สตอยโควิช, เบน วัตสัน, เจสัน สกอตแลนด์, จอร์ดี้ โกเมซ, เอ็มเมอร์สัน บอยซ์
ใบเหลือง : มายนอร์ ฟิเกรัว, เจมส์ แม็คคาร์ธี่, โมฮาเหม็ด ดิยาเม่
สเปอร์ส : เอเรลโญ่ โกเมส, เวดราน ชอร์ลูก้า, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, เลดลี่ย์ คิง (เซบาสเตียน บาสซง น.52), แกเร็ธ เบล, เดวิด เบนท์ลี่ย์, วิลสัน ปาลาซิออส, ทอม ฮัดเดิ้ลสตัน, นิโก้ ครานชาร์ (ลูก้า โมดริช น.69), ปีเตอร์ เคร้าช์, เจอร์เมน เดโฟ (โรมัน พาฟลิวเชนโก้ น.73)
สำรองไม่ได้ใช้ : เบน อัลนิค, ยูเนส กาบุล, แดนนี่ โรส, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น
ใบเหลือง : ไมเคิ่ล ดอว์สัน, เดวิด เบนท์ลี่ย์, ทอม ฮัดเดิ้ลสตัน, เจอร์เมน เดโฟ
แอสตัน วิลล่า 5 - 2 เบิร์นลี่ย์
แอสตัน วิลล่า ได้เล่นในบ้านเจอกับ เบิร์นลี่ย์ เจ้าถิ่นส่ง เอมิล เฮสกี เป็นกองหน้าคู่กับ กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์ ในขณะที่ทีมเยือนก็ส่งกองหน้าสองคนเช่นกัน เดวิด นิวเจนท์ จับคู่ สตีเฟ่น เฟล็ทเชอร์
น.10 แม้จะโดนเจ้าบ้านบุกใส่ตลอดแต่ เบิร์นลี่ย์ ชิงจังหวะออกนำไปได้ก่อน แจ็ค คอร์ก ได้บอลทางปีกขวาแล้วพยายามเปิดติดกองหลังเด้งกลับมาอีกทีเลยจ่ายทะลุช่องให้ เดวิด นิวเจนท์ สอดมาเกี่ยวบอลเข้าเขตโทษก่อนจ่ายเรียดไปเสาสองให้ สตีเฟ่น เฟล็ทเชอร์ เข้าชาร์จโล่งๆ 1-0
น.14 ผ่านมาไม่กี่นาที เจมส์ คอลลินส์ ก็เลือดอาบเมื่อขึ้นโขกแย่งบอลกับ คลาร์ก คาร์ไลส์ จนหัวแตก ต้องทำแผลอยู่พักใหญ่ ก่อนลงมาเล่นต่อได้
น.24 โอกาสตีเสมอของ วิลล่า เมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ ครองบอลทางฝั่งขวาแล้วหักมาเปิดด้วยซ้ายพุ่งไปหน้าปากประตู เอมิล เฮสกี้ หนีตัวประกบเข้าโขกเช็ดแต่โดนบางไปบอลเลยหลุดเสาสองโดยมี แอชลี่ย์ ยัง ปรี่เข้าไปรอซ้ำแล้วด้วย
น.32 หลังกดดันพักใหญ่ วิลล่าก็ตีเสมอจนได้ จากลูกเตะมุมสั้นทางซ้ายบอลมาที่ แอชลี่ย์ ยัง ลากตัดมาริมกรอบโทษแล้วยิงด้วยขวาบอลโค้งเข้าไปหากลุ่มนักเตะแต่แทบไม่โดนใครก่อนที่จะกระดอนพื้นผ่านมือ ไบรอัน เยนเซ่น เข้าไป 1-1
น.37 สิงห์ผงาดเกือบแซงนำ มาได้ฟรีคิกเยื้องทางซ้าย แอชลี่ย์ ยัง เปิดโค้งลึกไปเสาสอง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง โฉบเข้าหาบอลช้าไปเสี้ยววินาที เยนเซ่น ปัดบอลออกไปได้โดยเลยไปยังมี สติลิยัน เปตรอฟ รออยู่อีกคนด้วย
ครึ่งหลัง แอสตัน วิลล่า กลับมาสู่เกมได้เยี่ยม และสามารถทำประตูนำ 2-1 ในนาทีที่ 56 เมื่อ แอชลี่ย์ ยัง เปิดบอลไปให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง แตะเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วซัดด้วยขวาเสียบเสาสองเข้าไป
ถัดจากนั้น 2 นาที สิงห์ผงาด ได้ประตูหนีห่าง 3-1 ไปอีก จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ เปิดบอลให้ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดเซฟ ไบรอัน เยนเซ่น แล้ว มิลเนอร์ เก็บได้อีกครั้ง จ่ายให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ยิงด้วยซ้ายแฉลบ ดาเนี่ยล ฟ็อกซ์ เข้าไปที่มุมเดิม
ประตูนำ 4-1 ตามมาติดๆ สำหรับเจ้าถิ่นในนาทีที่ 61 กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ใช้ความเร็วขึ้นเกมทางกราบซ้าย ก่อนจะผ่านเรียดเข้ากลางให้ เอมิล เฮสกี้ แปนิ่มๆ ผ่าน ไบรอัน เยนเซ่น ไม่เหลือ
นาทีที่ 68 แอสตัน วิลล่า หนีไปอีกเป็น 5-1 เจมส์ มิลเนอร์ เปิดเรียดจากกราบขวา ถึงเวลาของ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ แปจ่อๆ เข้าไปไม่เหลือ โดย แก็บบี้ บาดเจ็บเล็กน้อยจากการโดนเสียบจังหวะยิงด้วย
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 92 เบิร์นลี่ย์ ขอยิงไล่มาหน่อยเป็น 2-5 ไม่ว่ากัน แจ็ค คอร์ค ตักบอลให้ มาร์ติน พาเตอร์สัน กองหน้าตัวสำรอง ซัดเสียบเสาไกลอย่างแม่นยำ
จบเกม แอสตัน วิลล่า ไล่ถล่ม เบิร์นลี่ย์ ไปยับเยิน 5-2 เก็บสามแต้มลุ้นพื้นที่อันดับ 4 ต่อไป
รายชื่อนักเตะ
แอสตัน วิลล่า : แบร็ด ฟรีเดล, การ์ลอส เกย่าร์, ริชาร์ด ดันน์, เจมส์ คอลลินส์, สตีเฟ่น วอร์น็อค, แอชลี่ย์ ยัง, เจมส์ มิลเนอร์, สติลิยัน เปตรอฟ, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, กาเบรียล อั๊กบอนลาฮอร์, เอมิล เฮสกี
ตัวสำรอง : แบรด กูซาน, ลุค ยัง, สตีฟ ซิดเวลล์, ยอห์น คาริว, เนธาน เดลฟูเนโซ่, ฟาเบียน เดลฟ์, อาบิ๊บ เบ
เบิร์นลี่ย์ : ไบรอัน เยนเซ่น, ไทโรน เมียร์ส, คลาร์ก คาร์ไลส์, ลีออน คอร์ท, แดเนียล ฟ็อกซ์, คริส อีเกิ้ลส์, แจ็ค คอร์ก, อองเดร บิเก, เควิน แม็คโดนัลด์, เดวิด นิวเจนท์, สตีเฟ่น เฟล็ทเชอร์
ตัวสำรอง : นิคกี้ วีเวอร์, ไมเคิ่ล ดัฟฟ์, มาร์ติน เพเทอร์สัน, เวด เอลเลียตต์, ร็อบบี้ เบลค, เฟรเดริก นิมานี่, สตีเฟ่น ธอมป์สัน
ผลบอล พรีเมียร์ลีก ทุกคู่ คลิกที่นี่
ภาพข่าวจาก http://news.yahoo.com