
ลิเวอร์พูล ตกเป็นฝ่ายตามหลัง นาโปลี ในครึ่งแรก หลังโดน เอเซเกล ลาเวซซี หลุดเข้าไปล่อเป้าในนาทีที่ 28 แต่ สตีวีจี ก็สวมบทอัศวินขี่ม้าขาวด้วยการลุกจากม้านั่งสำรองลงไปแทน มิลาน โยวาโนวิช ในครึ่งหลังก่อนปรี่เข้าไปจิ้มบอลตัดหน้า มอร์แกน เด ซานติส ตุงตาข่ายในนาทีที่ 75, สังหารจุดโทษ นาทีที่ 88 ปิดท้ายด้วยการชิปอย่างเหนือชั้นในนาทีที่ 89 พลิกพาทีมคว้าชัย พร้อมทั้งจ่อเข้ารอบต่อไป หลังนำฝูงกลุ่ม เค มี 8 คะแนน เหนือกว่า สเตอัว บูคาเรสต์ 3 แต้ม
โดยทางด้าน รอย ฮ็อดจ์สัน กล่าวถึงดาวเตะขาลุยวัย 30 ปี หลังจบเกมว่า "การลงสนามของเขาเปรียบเสมือนการเร่งปฏิกิริยา แฟนบอลและนักเตะในทีมถูกกระตุ้น และแนวทางที่เขาทำประตูแรกแสดงให้เห็นถึงพลังงานและสปิริตของทีมเราในครึ่งหลังอย่างชัดเจน"
"พวกเราเป็นหนี้บุญคุณ เจอร์ราด ในเกมส์นี้ แต่เขากลับเป็นคนแรกที่เข้ามาบอกผมว่าครึ่งหลังเราเล่นได้ดีทั้งทีม ผมคิดว่าค่ำคืนนี้เขาแสดงให้เห็นถึงฟอร์มการเล่นของผู้นำอย่างแท้จริง"
"ประตูแรกที่เขาทำได้สมเป็นประตูที่มาจากกัปตันทีม เนื่องจากเป็นประตูที่จุดประกายให้ทีมกลับสู่เกม โดยที่เขาไม่กลัวที่จะเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บจากการเข้าหาบอลในจังหวะ 50-50 ซึ่งลูกนี้ทำให้ผมและสตาฟฟ์โค้ชประทับใจในตัวเขาอย่างยิ่ง" ฮ็อดจ์สัน กล่าวทิ้งท้าย
ขณะเดียวกัน เจอร์ราร์ด ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แบบถ่อมตนว่า "พวกเราเป็นฝ่ายตามหลัง และผู้จัดการทีมก็ให้ผมลงสนามและดูว่าผมจะช่วยอะไรได้บ้างในการนำลูกทีมกลับมา"
"ทุกๆ คนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีในค่ำคืนนี้ ผมมั่นใจว่าผมจะเป็นพาดหัวข่าว แต่แน่นอนเลยว่ามันไม่ใช่เพราะผมคนเดียว นักเตะทุกๆ คนของพวกเราเล่นครึ่งหลังกันได้สุดยอดมากๆ"
"สำหรับประตูแรก เมื่อคุณมีโอกาสหลุดไปดวลกับผู้รักษาประตูร่างยักษ์ คุณก็ต้องทำเต็มที่และหวังถึงสิ่งที่ดีที่สุด มันไม่มีควาสามารถอะไรเข้ามาเกี่ยวแล้ว มันขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและความปรารถนา และผมคิดว่าผู้รักษาประตูของเขาก็ยำเกรงในจังหวะเสี่ยงๆแบบนี้เช่นเดียวกัน"