
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบที่ 4 นัดรีเพลย์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5-0 น็อตต์ส เคาน์ตี้
เกมเอฟเอ คัพ รอบสี่ นัดรีเพลย์ระหว่างทีม แมนฯ ซิตี้จากลีกสูงสุดกับ น็อตต์ เคาน์ตี้ จากลีกวัน เกมนี้เจ้าบ้านปรับบางตำแหน่งโดยพัก คาร์ลอส เตเวซ และให้โอกาสแก่พวกตัวสำรองทั้ง ปาทริค วิเอร่า และ โจลีออน เล็ตคอตต์ ลงสนาม ด้านทีมเยือน พอล อินซ์ กุนซือ จัดชุดใหญ่ลงสนามพร้อมหวังพลิกล็อกให้ได้ นำทีมโดย อลัน กาว และ ลี ฮิวจ์ส สองดาวยิง
เริ่มเกมขึ้นมา ทีมเยือนเดินหน้าบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นอย่างไม่เกรงกลัว และมีโอกาสได้ลุ้นประตูก่อนทันทีจากลูกเตะมุมของ อลัน กาว โยนมาหน้าประตูให้ คริสเตียน เพียร์ซ โหม่งแต่บอลโด่งข้ามคานออกไป นาทีที่ 10 ทีมเยือนมาได้ลูกฟรีคิกทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ จากจังหวะที่ โคโล่ ตูเร่ ไปทำฟาล์ว ลี ฮิวจ์ส เป็น อลัน กาว รับหน้าที่ยิงปั่นโค้งด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งเข้ากรอบแต่ โจ ฮาร์ท พุ่งปัดออกไปได้
เกมผ่านถึงนาทีที่ 21 ทีมเยือนยังทำเกมบุกเข้าใส่ แมนฯ ซิตี้ ได้ตลอดผิดกับ เจ้าบ้านที่ยังไม่สามารถต่อบอลบุกใส่ทีมเยือนได้เลยแถมยังเกือบเสียประตูอีกครั้ง คราวนี้ น็อตต์ เคาน์ตี้ เป็น คาร์ล ฮอวลี่ย์ ปั่นด้วยเท้าขวาจากระยะ 25 หลา บอลโค้งผ่านมือ โจ ฮาร์ท แต่พุ่งไปชนเสาอย่างจังพลาดโอกาสขึ้นำอย่างน่าเสียดาย
สองนาทีถัดมา เจ้าบ้านเริ่มหาจังหวะยิงได้บ้างจากการเติมเกมรุกขั้นมาทางด้านขวาของ ไมกาห์ ริชาร์ด แล้วโยนเข้ามาหน้าประตูให้ เอดิน เชโก้ ยิงโหม่งคนเดียวไม่มีตัวประกบแต่บอลตรงตัว สจ๊วร์ต เนลสัน ปัดข้ามคานออกไปได้
หลังจากนั้นเจ้าบ้านก็เริ่มเปิดเกมบุกได้อย่างต่อเนื่องและได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะยิงจากหน้ากรอบเขตโทษของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ แต่ สจ๊วร์ต เนลสัน พุ่งไปปัดได้แต่บอลกระฉอกมาเข้าทาง ดาบิด ซิลบา พยายามเปิดไปหน้าประตูอีกครั้งแต่ก็ยังไปติดกองหลังทีมเยือน
เกมผ่านถึงนาทีที่ 35 ดาบิด ซิลบากระชากบอลขึ้นมาทางฝั่งซ้ายผ่าน ไมค์ เอ็ดเวิร์ดส์ ก่อนจะผ่านเข้ามาให้ ยาย่า ตูเร่ ยิงแต่ สจ๊วร์ต เนลสัน ก็ยังพุ่งปัดออกหลังไปได้
ถัดมาสองนาที เจ้าบ้านก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้จากลูกเตะมุมของ ดาบิด ซิลบา บอลโค้งมาหน้าประตูเป็น ปาทริค วิเอร่า ขึ้นโหม่งบอลไปแฉลบแขน คริสเตียน เพียร์ซ เปลี่ยนทางเล็กน้อยก่อนจะลอดขา สจ๊วร์ต เทย์เลอร์ เข้าไปให้เจ้าถิ่น แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0
หลังจากโดนนำ ทีมเยือน น็อตต์ เคาน์ตี้ ก็เปิดเกมรุกใส่เจ้าถิ่นอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีจังหวะเหมาะๆทำให้จบครึ่งแรกแมนฯ ซิตี้ เจ้าถิ่นขึ้นนำอยู่ 1-0
เริ่มเกมครึ่งหลังไม่ถึง 2 นาที เจ้าบ้านแมนฯ ซิตี้ ได้โอกาสยิงก่อนทันทีจากการยิงไกลของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป นาทีถัดมาทีมเยือน น็อตต์ เคาน์ตี้ ก็ได้เสียวบ้างจากจังหวะการยิงด้วยขวาของ คาร์ล ฮอวลี่ย์ แต่บอลก็ไม่ตรงกรอบออกหลังไปซะอีก
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 58 เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาได้ประตูที่สองจากลูกเตะมุมของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ บอลลอยมาหน้าประตูเป็น ปาทริค วิเอร่า คนเดิมสอดเข้ามาโหม่งเต็มๆบอลพุ่งตุงตาข่ายให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 2-0
แต่เกมต้องหยุดไปซักพักเพราะก่อนวิเอร่าจะโหม่งทำประตู มาริโอ บาโลเตลลี่ วิ่งไปชนกับ คริสเตียน เพียร์ซ ต้องพักปฐมพยาบาลกัรซักพักก่อนจะกลับมาเล่นต่อได้แต่ โรแบร์โต้ มันชินี่ ไม่วางใจจัดการเปลี่ยนออกทันทีโดยส่ง คาร์ลอส เตเวซ ลงไปเล่นแทน
น็อตต์ เคาน์ตี้ ยังไม่ยอมง่ายๆ นาทีที่ 70 คาร์ล ฮอวลี่ย์ ที่เล่นได้เด่นในเกมนี้มีโอกาสพลิกหลบกองหลังเจ้าบ้านไปยิงแต่บอลค่อนข้างเบา โจ ฮาร์ท ล้มตัวรับไว้ได้
ทีมเยือนยังบุกอย่างต่อเนื่องจะต้องทำให้ โจ ฮาร์ท ต้องออกแรงอีกครั้งจากลูกฟรีคิกบริเวณกลางสนาม จอห์น ธอมป์สัน ตัวสำรอง โยนบอลมาหน้าประตูกองหลังเจ้าบ้านโหม่งสกัดออกมาเข้าทาง อลัน กาว จับด้วยขวาก่อนจะวอลเล่ย์ด้วยซ้ายอย่างสวยงามบอลพุ่งตรงกรอบ แต่ ฮาร์ท ก็พุ่งปัดเอาไว้ได้อย่างสวยงามเช่นเดียวกัน
แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูที่สามในนาทีที่ 84 จากลูกสวนกลับเร็ว เอดิน เชโก้ แทงบอลทะลุช่องให้ คาร์ลอส เตเวซ หลุดเดียวก่อนจะกระชากผ่าน สจ๊วร์ต เนลสัน นายทวารทีมเยือนก่อนจะแปโล่งๆเข้าไปให้ "เรือใบสีฟ้า" นำห่าง 3-0
ก่อนหมดเวลา 1 นาที เจ้าบ้าน แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้ประตูที่สี่อีกจนได้จากจังหวะที่ ตาร์ลอส เตเวซ ได้บอลทางขวาของเขตโทษ ก่อนจะโยนเข้าไปหน้าประตูให้ เอดิน เชโก้ โหม่งเข้าไปให้เจ้าถิ่นนำห่าง 4-0
ยังไม่หมดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนฯ ซิตี้ ก็มาบวกประตูที่ห้าอีกจากลูกเตะมุมของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ มาที่หน้าประตูกองหลังทีมเยือนสกัดมาเข้าทาง ไมกาห์ ริชาร์ด หวดตูมเข้าไปเป็นประตูให้เจ้าบ้านนำขาดลอย 5-0
ก่อนหมดเวลา เอดิน เชโก้เกือบซัดประตูที่หกให้ทีมแต่ สจ๊วร์ต เนลสัน เซฟไว้ได้ทำให้จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ น็อตต์ เคาน์ตี้ ท่วมท้น 5-0 เข้ารอบ 5 ไปเจอกับ แอสตัน วิลล่า ที่รอบอยู่ในรอบห้าอยู่แล้ว
รายชื่อผู้เล่น
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส, โคโล่ ตูเร่, โจลีออน เล็ตคอตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, ปาโบล ซาบาเลต้า, ปาทริค วิเอร่า, ยาย่า ตูเร่ ดาบิด ซิลบา, เอดิน เชโก้, มาริโอ บาโลเตลลี่
สำรอง : สจ๊วร์ต เทย์เลอร์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, เฌอโรม บัวเต็ง, แกเร็ธ แบร์รี่, โช, คาร์ลอส เตเวซ, อเล็กซ์ นิมีลี่
น็อตต์ เคาน์ตี้ : สจ๊วร์ต เนลสัน, สตีเฟ่น ดาร์บี้, ไมค์ เอ็ดเวิร์ดส์, คริสเตียน เพียร์ซ, โจน ฮาร์ลี่ย์, คาร์ล ฮอวลี่ย์, ริชาร์ด ราเวนฮิลล์, นีล บิช็อป, เคร็ก เวสต์คาร์, อลัน กาว, ลี ฮิวส์จ
สำรอง : โรเบิร์ต บรูช, เกรเม่ ลี, จอห์น ธอมป์สัน, เควิน สมิธ, เลียม ชิลเวอร์ส, เลวิส โกเบิร์น, จอห์น สไปเซอร์
รอบ 5
เลย์ตัน โอเรี้ยน 1 - 1 อาร์เซน่อล
ฟุตบอลเอฟเอ คัพรอบที่ 5 ระหว่าง เลย์ตัน โอเรี้ยน จากลีกวัน พบกับ อาร์เซน่อล จากพรีเมียร์ลีก เกมนี้เจ้าบ้านจัดชุดใหญ่ลงสนามโดยมีดาวเด่นคือ ชาร์ลี ดาเนี่ยลส์ และ อเล็กซ์ เรเวลล์ เป็นตัวชูโรง
ด้านทีมเยือน อาร์เซน่อล พัก เชส ฟาเบรกาส, แจ็ค วิลเชียร์ และ ซามีร์ นาสรี่ เป็นตัวสำรอง โดยส่ง มารูยาน ชามัค จับคู่ อังเดร อาร์ชาวิน ในแดนหน้า พร้อมส่ง อิกนาซี่ มิเกล กองหลังดาวรุ่งชาวสเปนลงเป็นตัวจริง โดยผู้ชนะเกมนี้จะผ่านเข้ารอบไปเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในรอบต่อไป
เริ่มขึ้นมาได้ไม่ถึงนาทีเจ้าบ้านได้โอกาสยิงทักทายทันทีจากการยิงด้วยขวาจากระยะ 20 หลาของ สตีเฟ่น ดอว์สัน แต่ มานูเอล อัลมูเนีย ล้มตัวรับแต่บอลกระฉอกแต่ก็ยังตามไปตะคลุบไว้ได้
ในช่วงต้นทั้งสองทีมยังคงผลัดกันเปิดเกมรุกและผลัดกันตั้งรับนาทีที่ 13 มารูยาน ชามัค ได้ลงยิงด้วยขวาหน้าเขตโทษแต่บอลก็ยังเบา เจมี่ โจนส์ ล้มตัวรับไว้ได้ทัน นาทีที่ 21 คราวนี้เป็น อังเดร อาร์ชาวิน ได้ลองซัดด้วยซ้าย แต่ เจมี่ โจนส์ ก็ยังเซฟไว้ได้
เกมผ่าน 30 นาทีของครึ่งแรกเกมยังคงสู้กับบริเวณกลางสนามกันมากกว่าทั้งสองทีมยังหาโอกาสเข้าทำแบบจะจะยังไม่ได้รูปเกมค่อนข้างสูสีแต่ทีมเยือนดูดีกว่าเล็กน้อย นาทีที่ 34 อาร์เซน่อล ใกล้เคียงที่จะได้ประตูที่สุดเมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน จ่ายบอลออกไปทางซ้ายให้ คีแรน กิ๊บบ์ส ที่เติมขึ้นมาเปิดบอลเรียดเข้ามาในเขตโทษให้ มารูยาน ชามัค ยื่นเท้าแหย่ แต่โดนบอลไม่ดีออกหลังไป
เข้าสู่ท้ายครึ่งแรกยรูปเกมยังคงเหมือนเดิมคือผลัดกันเป็นฝ่ายครองบอลบุกแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่สามารถหาโอกาสยิงได้ จบครึ่งแรก เลย์ตัน โอเรี้ยน เสมอ อาร์เซน่อล 0-0
ครึ้งหลังจากบ้าน เลย์ตัน ต้องเปลี่ยนตัว เจสัน โครว์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ออกโดยส่ง โธมัส คาร์โรลล์ ดาวเตะวัย 18 ลงมาเล่นแทนเกมแต่ในช่วงต้นครึ่งหลังเป็น อาร์เซน่อล ที่เปิดเกมรุกเข้าใส่ เลย์ตัน อย่างต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบขาดพอ
จนกระทั่งนาทีที่ 53 อาร์เซน่อล ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะชุลมุนหน้าประตู นิคลาส เบนท์เนอร์ พาบอลออกด้านข้างก่อนจะโยนเข้ากลางมาให้ โทมัส โรซิคสกี้ โหม่งเล่นทางเข้ามุมประตู หมดสิทธิ์ที่ เจมี่ โจนส์ นายทวารจะพุ่งไปปัดได้ อาร์เซน่อล ขึ้นนำ เลย์ตันฯ 1-0
หลังจากโดนขึ้นนำ เลย์ตันฯ ก็พยายามบุกเพื่อตีเสมอ นาทีที่ 57 ดีน ค็อกซ์ ได้โยนจากฝั่งซ้ายเข้ามาหน้าประตูให้ สกอตต์ แม็คกลิช โหม่งแต่บอลเบา มานูเอล อัลมูเนีย รับได้สบาย
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 68 ทีมเยือนเกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะการพาบอลขึ้นมาทางขวาของ บาการี่ ซาญ่า ก่อนจะตบบอลเข้ากลางให้ โทมัส โรซิคสกี้ จ่ายให้ อังเดร อาร์ชาวิน พาบอลไปสุดเส้นแล้วจ่ายหักกลับมาให้ โรซิคสกี้ ยิงอีกครั้ง เจมี่ โจนส์ ปัดเอาไว้ได้แต่บอลยังไม่พ้นหน้าประตู โรซิคสกี้ พุ่งไปโหม่งอีกครั้ง แต่ โจนส์ ก็ยังรับเอาไว้ได้อีกครั้ง
ก่อนหมดเวลา 8 นาที เจ้าบ้านเกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ โจนาธาน เตอูเอ้ พาบอลขึ้นมาทางขวาก่อนจะจ่ายเข้าไปหน้าประตูให้ อเล็กซ์ เรเวลล์ ยิงแต่ เซบาสเตียน สกิลลาซี่ พุ่งเอาหน้ามาบล็อกไว้ได้ทัน
นาทีที่ 89 กองเชียร์ เลยตัน โอเรี้ยน ได้เฮลั่นสนามเมื่อ ทีมสามารถยิงตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะของ โจนาธาน เตอูเอ้ พาบอลแหวกกองหลังทีมเยือนเข้าไปซัดผ่านตัว มานูเอล อัลมูเนีย เข้าไปเป็น 1-1
เข้าสู่ช่วงท้ายเกมอาร์เซน่อล พยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่ เจ้าถิ่นอย่างหนักเนื่องจากไม่ต้องการเหนื่อยเล่นในนัดรีเพลย์ แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับไปยิงได้ จบเกม เลย์ตัน โอเรี้ยน เสมอกับ อาร์เซน่อล 1-1 ต้องไปวัดกันในนัดที่สองที่สนาม เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม
รายชื่อผู้เล่น
เลย์ตัน โอเรี้ยน : เจมี่ โจนส์, แอนดรูว์ วิง, เบน ชอร์ลี่ย์, เทอร์เรลล์ ฟอร์เบส, ชาร์ลี ดาเนี่ยลส์, จิมมี่ สมิธ, สตีเฟ่น ดอว์สัน, เจสัน โครว์ (โธมัส คาร์โรลล์ น.46), ดีน ค็อกซ์, สกอตต์ แม็คกลิช (โจนาธาน เตอูเอ้ น.63), อเล็กซ์ เรเวลล์ (พอล-โชเซ่ เอ็มโปกู น.84)
สำรองไม่ได้ใช้ : ลี บุตเชอร์, เอลเลียตต์ โอโมซูซี่, ไมค์ เชสเตอร์, แฮร์รี่ กาเน่
อาร์เซน่อล : มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซาญ่า, เซบาสเตียน สกิลลาซี่, อิกนาซี่ มิเกล, คีแรน กิ๊บบส์, เดนิลสัน, อเล็กซ์ ซง, โทมัส โรซิคสกี้, นิคลาส เบนท์เนอร์, มารูยาน ชามัค, อังเดร อาร์ชาวิน
สำรองไม่ได้ใช้ : วอจเซียจ เซคเซสนี่, เชส ฟาเบรกาส, โลร็องต์ กอสชิแอลนี่, ซามีร์ นาสรี่, แจ็ค วิลเชียร์, กาเอล กลิชี่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้
ภาพข่าวจาก http://news.yahoo.com