ผลบอล ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้ายนัดแรก
ลิเวอร์พูล 1-0 สปาร์ต้า ปราก
(รวมผลสองนัดลิเวอร์พูล เข้ารอบด้วยประตูรวม 1 - 0)
ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ สปาร์ต้า ปราก โดยจัดผู้เล่นชุดตัวจริงผสมกับตัวสำรอง แนวรุกไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ ติดคัพไท ต้องใช้ โจโคล, ราอูล เมยเรเลส และ เดิร์ค เค้าท์ คอยสนับสนุน ดาวิด เอ็นก็อก ที่ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า ด้านทีมเยือนจาก เช็ก มาในระบบ 4-1-4-1 ใช้ เลโอนี่ เควอูเก้ ยืนเป็นกองหน้าตัวเดียว
เริ่มเกมมา 3 นาทีอาคันตุกะจาก เช็ก ได้ลุ้นก่อน โซติริส คีร์เกียคอส โหม่พลาดมาเข้าทาง ลิบอร์ ซิออนโก้ ได้ยิง แต่ดีที่ว่า เปเป้ เรน่า ออกมาปิดมุมได้ทันทำให้บอลข้ามคานออกไป ยังคงเป็นทีมเยือนที่ได้ลุ้น นาทีที่ 11 วาคลาฟ คัดเลช ยิงจากนอกกรอบเขตโทษข้ามคานออกหลังไป
ถัดมานาทีเดียว สปาร์ต้า ปราก ก็ได้ลุ้นอีก ลิบอร์ ซิออนโก้ เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวา วาคลาฟ คัดเลช ได้โหม่งแต่ เรน่า ยืนตำแหน่งดีรับบอลเข้าซองสบาย เป็นโอกาสของ ลิเวอร์พูล บ้างจากฟรีคิกจากระยะ 25 หลา แอ็กเกอร์ ยิงข้ามคานออกไปออกหลังไปในนาทีที่ 14
มาถึงนาที่ที่ 16 ราอูล เมยเรเลส เปิดบอลจากลูกเตะมุมด้านขวา คีร์เกียคอส ขึ้นโขกเต็มๆ แต่ ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค นายทวารของทีมเยือนพุ่งเซฟไว้ได้อย่างสุดยอด
แฟนบอลเจ้าถิ่นเสียวตามๆกันเมื่อ เปเป้ เรน่า ออกมาชกบอลพลาดในนาทีที่ 21 แต่ยังดีที่ว่าบอลไปเข้าทางของ แดนนี่ วิลสัน เคลียร์บอลทิ้งได้ทัน โอกาสของเจ้าบ้านนาทีที่ 22 มาร์ติน เคลลี่ เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวามาที่จุดนัดพบกลางประตู เมยเรเลส วิ่งสอดเข้ามาแปบอลข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง
เจ้าบ้านเริ่มครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่ นาทีที่ 24 โจ โคล ยึกยักสองสามจังหวะก่อนสับไกเต็มข้อด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเข้ากรอบเหมือนไม่มีอะไรแต่ ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค รับบอลกระชอกเกือบไปเข้าทางผู้เล่นของ ลิเวอร์พูล
เจ้าถิ่นน่าได้ประตูสุดๆ นาทีที่ 35 เดริค เคาท์ ใส่พานให้ ดาวิด เอ็นก็อก ได้ยิงเหน่งๆแต่ดาวยิงเลือดฝรั่งเศสกลับยิงไปตรงตัว บลาเซ็ค อย่างน่าผิดหวัง นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ลูคัส เลว่า ได้ลองส่องไกลจากนอกกรอบ บอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0
เริ่มครึ่งหลังมาได้ 4 นาทีเจ้าบ้านทักทายก่อน ออนเดรจ คุสเนียร์ โหม่งสกัดบอลมาเข้าทาง เมยเรเลส ฮาล์ฟวอลเล่ย์เฉี่ยวเสาออกไปอย่างน่าหวาดเสียว มาถึงนาทีที่ 51 ยังเป็นทีมหงส์แดงที่ได้ลุ้น เดิร์ค เค้าท์ จ่ายให้ เอ็นก็อก วิ่งเข้ามายิง แต่ก็เช่นเคยดาวยิงผิวสีหวดบอลวืดทำให้เสียโอกาสไปฟรีๆอีกครั้ง
เกมยังสู้กันในแดนกลาง แต่เป็นทีมเยือนได้โอกาสในนาทีที่ 70 มานูเอล ปามิช โยนบอลไปที่เสาไกลให้ ซิออนโก้ กระโดดยิงเฉียวคานไปนิดเดียว นาทีที่ 75 เจ้าบ้านได้เกือบได้เฮ เอ็นก็อก หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิง แต่ก็อีหรอบเดิมด้วยการซัดไปติดเซฟ บลาเซ็ค เช่นเคย
หงส์แดง เริ่มเก็บบอลได้มากขึ้น นาทีที่ 79 จากการทำเกมอันยอดเยี่ยมของเจ้าบ้าน โจ โคล เปิดบอลไปที่ว่างให้ วิลสัน ที่ด้านซ้ายก่อนที่จะปาดเข้ามากลางประตู เคาท์ ได้ยิงด้วยเท้าซ้ายแต่บอลเบาไปตรงตัวของ บลาเซ็ค อีกครั้ง
และแล้วในนาทีที 85 เหล่าเดอะค็อปก็ได้เฮกันลั่น ราอูล เมยเรเลส เปิดลูกเตะมุมจากด้านซ้าย กองหลังทีมเยือนประกบตัวกันไม่ดี เค้าท์ ได้โหม่งเน้นๆเข้าประตูไป ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีแรก ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูเพิ่ม โจ โคล ล็อคบอลหลบกองหลังทีมเยือนอย่างสวยงาม ก่อนจะง้างยิงดันมี เอ็นก็อก ที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ขโมยซีนยิงไปติดเซฟ บาร์เซ็ค เหมือนเคย อีกครั้งจากจังหวะโต้กลับ โจ โคล ได้หลุดเข้าไปยิง แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว ทำให้จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะ สปาร์ต้า ปราก ไปได้ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยประตูรวมสองนัด 1-0
รายชื่อผู้เล่น
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, โซติริส คีร์เกียคอส, แดเนียล แอ็กเกอร์, แดนนี่ วิลสัน, คริสเตียน โพลเซ่น, ลูคัส เลว่า, เดิร์ท เค้าท์, ราอูล เมยเรเลส, โจ โคล, ดาวิด เอ็นก๊อก
สำรองไม่ใช้ : ปีเตอร์ กูลาชซี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, มักซี โรดริเกซ, เจย์ สเปียร์ริ่ง, มิลาน โยวาโนวิช, ดานี่ ปาเชโก้
สปาร์ต้า ปราก : ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค, ออนเดรจ คุสเนียร์, โทมัส เร็ปก้า, เอริช บราเบช, มานูเอล ปามิช, คามิล วาเซ็ค, ลิบอร์ ซิออนโก้, มาเร็ค มาเตยอฟสกี้, มาร์ติน อเบน่า, วาคลาฟ คัดเลช, เลโอนี่ เควอูเก้
สำรองไม่ใช้ : ดาเนี่ยล ซิทก้า, ยีรี่ คาร์ดรุ๊ปสกี้, ลูบอส ฮูเซ็ค, มาร์ติน เซมาน, จาคุบ โปดานี่, โทมัส เพ็คฮาร์ท, อันเดรจ เคริช
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 - 0 อาริส ซาโลนิก้า
(รวม 2 นัด แมนฯ ซิตี้ เข้ารอบด้วยประตูรวม 3-0)
เรือใบสีฟ้า กลับมาจัดหนักในบ้านนัดสอง ด้วยการส่งสามกองหน้า คาร์ลอส เตเวซ, เอดิน เชโก้, มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงล่าตาข่ายพร้อมกัน แถมยังถอยตัวรุก ดาบิด ซิลบา ลงไปยืนมิดฟิลด์ด้วยขณะที่ อาริส ไม่ปรับ 11 คนแรก
ครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วเพียงแค่ 8 นาทีแรก จากความผิดพลาดของกองหลังอาริส ที่จับบอลยาวของ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ไม่ดี ทำให้ เอดิน เชโก้ เผด็จศึกด้วยเท้าขวาผ่าน มิคาลิส ซิฟาคิส เช็ดเสาไกลเข้าไป
หลังจากนั้น เรือใบสีฟ้า ยังมาได้ประตูหนีห่าง 2-0 ในอีก 3 นาทีต่อมา ดาบิด ซิลบา ถ่ายบอลต่อให้ คาร์ลอส เตเวซ ผ่านต่อไปถึง เอดิน เชโก้ บริเวณหน้ากรอบโทษ ล็อกบอลเข้าเท้าซ้ายแล้วกดเรียดผ่านมือ ซิฟาคิส เสียบเสาสองเข้าไปอีก
โอกาสของ อาริส มีให้เห็นไม่มากนัก แต่ก็พอมีลุ้นเหมือนกันในนาทีที่ 27 คริสตี้ วานเจลี ลากบอลตัดเข้าเท้าซ้ายแล้วกดเปรี้ยงจากหน้ากรอบโทษเหินข้ามคานออกไปไม่มาก
เจ้าถิ่นต้องเปลี่ยนตัวคนแรก เพราะ แว็งซ็องต์ ก็อมปานี บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ปาโบล ซาบาเลต้า แทนที่ในนาทีที่ 35 ประตูที่สามของ เรือใบสีฟ้า เกือบตามมาอีกในนาทีที่ 37 คาร์ลอส เตเวซ แต่งเข้าเท้าขวาแล้วซัดหน้ากรอบโทษ ไปแฉลบกองหลังอาริสเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว จบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ นำสบาย 2-0
ครึ่งหลัง อาริส ต้องปรับเกมรุกด้วยการส่ง คอสตาส เมนดรินอส ลงสนามแทน ไดซึเกะ ซาคาตะ กองหน้าญี่ปุ่นที่โชว์ฟอร์มไม่ออก
นาทีที่ 51 เชโก้ พยายามสร้างโอกาสทำแฮตทริกให้ตัวเองในเกมนี้ จากจังหวะฉกฉวยความผิดพลาดของกองหลังอาริสที่จับบอลไม่ดีอีกครั้ง ก่อนทดสอบผู้รักษาประตูด้วยลูกยิงไกล 25 หลา บอลพุ่งเรียดแรงแต่ไม่ยากเกินสำหรับ ซิฟาคิส
โจ ฮาร์ท นายทวารเรือใบสีฟ้า ต้องออกแรงเซฟเหมือนกันในอีก 3 นาทีต่อมา ราอูล โบบาดิย่า ตะบันด้วยเท้าซ้ายจากหน้ากรอบโทษ แต่บอลไม่หนีมือประตูทีมชาติอังกฤษสักเท่าไหร่ ถึงนาทีที่ 61 อาริส ต้องปรับแนวรุกอีกครั้ง คราวนี้ เซร์คิโอ โกเก้ ถูกส่งลงแทน ราอูล โบบาดิย่า
มาริโอ บาโลเตลลี่ เกือบมีชื่อเป็นผู้ทำประตูให้ แมนฯ ซิตี้ ในเกมนี้ เมื่อรับบอลจากกัปตัน เตเวซ ในเขตโทษด้านขวา แต่โชคร้ายที่เห็นลูกยิงของตัวเองกระเด้งไปชนเสาสองกระดอนออกมาในนาทีที่ 66
นาทีที่ 75 แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูฝัง 3-0 เพิ่มอีก จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ เปิดไปถูกโหม่งสกัดออกมานอกเขตโทษ ยาย่า ตูเร่ จับบอลได้แล้วตะบันด้วยเท้าขวาจากระยะ 25 หลาสวนกลับเข้าไปทันที บอลแฉลบเล็กน้อยผ่าน ซิปาคิส เสียบมุมประตู
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ของเรือใบ รับใบเหลืองจากกรรมการเนื่องจากเข้าบอลหนัก เวลาที่เหลือ เจ้าถิ่นประคองเกมเอาไว้ได้หมด จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ อาริส ซาโลนิก้า 3-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อรวมประตูจากสองนัด เรือใบสีฟ้า ชนะ 3-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป
รายชื่อผู้เล่น
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, เยโรม บัวเต็ง, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, ดาบิด ซิลบา, คาร์ลอส เตเวซ, มาริโอ บาโลเตลลี่, เอดิน เชโก้
สำรอง : สจ็วร์ต เทย์เลอร์, ปาโบล ซาบาเลต้า, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, ปาทริค วิเอร่า, โช, โคโล่ ตูเร่, รีซ วาบาร่า
อาริส : มิคาลิส ซิฟาคิส, เนโต้, โรนัลโด้ กัวอาโร่, มิเชล, นิคอส ลาซาริดิส, คริสตี้ วานเจลี, ริคาร์โด้ ฟาตี, ฮวน คาร์ลอส โตฮา, ซาคิส พริตตาส, ราอูล โบบาดิย่า, ไดซึเกะ ซาคาตะ
สำรอง : ฆวนม่า, โอริโอล, ดานิเยล เชซาเรช, เซร์คิโอ โกเก้, คอสตาส คัซนาเฟริส, คอสตาส เมนดรินอส
สรุปผลการจับสลาก ศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย
- เบนฟิก้า v ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
- ดินาโม เคียฟ v แมนเชสเตอร์ ซิตี้
- ทเวนเต้ v เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก
- ซีเอสเคเอ มอสโก v เอฟซี ปอร์โต้
- พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น v กลาสโกว์ เรนเจอร์ส
- ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น v บียาร์เรอัล
- อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม v สปาร์ตัก มอสโก
- ลิเวอร์พูล v บราก้า
ภาพข่าวจาก http://news.yahoo.com