
ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพรอบรองชนะเลิศนัด 2
วันพุธที่ 25 มกราคม 2555
สนาม : แอนฟิลด์
ลิเวอร์พูล 2:2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
(รวมผลสองนัดลิเวอร์พูลเข้ารอบด้วยประตูรวม 3-2)
ประตู : 0-1 เด ยอง น.31, 1-1 เจอร์ราร์ด(จุดโทษ) น.41, 1-2 เซโก้ น.67, 2-2 เบลลามี่ น.74
ไฮไลท์การทำประตูในเกมนี้
ครึ่งแรก
เกมในช่วงต้นเริ่มมาทั้งสองทีมยังพยายามหาช่องเข้าทำอยู่ แต่มาถึงนาทีที่ 4 เจ้าบ้านได้โอกาสทองที่จะได่้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะการเติมทางซ้ายของ ดาวนิ่ง เปิดบอลเข้าไปกลางประตู ปรากฏว่าโคลารอฟ สกัดไม่ดีมาเข้าทางโฆเซ่ เอ็นริเก้ ได้ยิงจ่อๆแค่ 6 หลาแต่โดนโจ ฮาร์ท ใช้ขาเซฟได้ ดาวนิ่ง จะซ้ำก็หลุดกรอบไปเยอะ
ถัดมา เบลลามี่ ได้บอลเปิดทะลุช่องจนได้หลุดเข้าเขตโทษแต่ตัดสินใจไม่ดีลากบอลไปติดมุมอับทำให้จังหวะสุดท้ายโดนบีบและต้องเปิดหักกลับมาก็ติดบล็อกออกไป ขณะที่แมนฯ ซิตี้ มาได้ลุ้นบ้างในนาทีที่ 8 จากจังหวะยิงไกลของนาสรี่ แต่ไม่เข้ากรอบห่างไปไกล
นาทีที่ 10 เจ้าบ้านขอลุ้นจากการยิงไกลบ้างโดย ชาร์ลี อดัม ที่ได้ซัดด้วยขวาข้างไม่ถนัด บอลหนักแต่ก็ตรงตัวฮาร์ท ล้มตัวรับได้สบายๆ ก่อนที่แมนฯ ซิตี้ จะบุกได้น่ากลัวเมื่อสวนกลับเร็ว ดาวิด ซิลบา ได้บอลพาขึ้นมาถึงระยะ 30 หลาก่อนเปิดออกซ้ายให้ โคลารอฟ เติมมาได้สวยและพยายามตบกลับมาแต่ว่าโดน แอกเกอร์ สกัดได้อย่างหวุดหวิด
ช่วงนี้เกมเป็นแมนฯ ซิตี้ ที่ครองบอลได้มากขึ้นชัดเจน แต่ลิเวอร์พูล ก็ยังหาจังหวะได้โดย เบลลามี่ ได้บอลจ่ายแถวหน้ากรอบเขตโทษระยะ 20 หลา ก่อนล็อกหลบสเตวาน ซาวิช แล้วยิงเร็วทันทีแต่ว่า ฮาร์ท ยังเซฟได้ไม่มีปัญหา
เบลลามี่ ยังป่วนได้ดี และได้บอลจ่ายจากเคาท์ จนหลุดเข้าเขตโทษและยิงผ่านฮาร์ท เข้าไปตุงตาข่ายได้แต่โดนจับเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนอย่างชัดเจน
เกมเปิดแลกกันอย่างสนุกแม้ว่าจะยังหาช่องเข้าทำกันไม่ได้ แต่นาทีที่ 31 แมนฯ ซิตี้ กลับมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนแบบไม่มีใครคาดคิดเมื่อ ซิลบา ครองบอลได้แถวระยะ 30 หลาก่อนไหลใส่พานให้ ไนเจล เดอ ยอง เติมมาซัดบอลพุ่งโค้งเป็นมิสไซล์เข้าสามเหลี่ยมไปแบบสุดงามเหลือเชื่อ
หลังโดน 1-0 ซึ่งทำให้สกอร์รวมกลับมาเสมอกัน 1-1 เจ้าบ้านก็เร่งโหมเกมทันที และมีลุ้นจากจังหวะที่อดัม ทะลุเข้าเขตโทษก่อนตวัดยิงมุมแคบทันทีแต่ว่าฮาร์ท ยังเซฟได้
จากนั้น ลิเวอร์พูล เปิดเกมถล่มอย่างหนักหน่วงทุกทิศทางชนิดที่แมนฯ ซิตี้ ต้องถอยไปตั้งรับหมด และสุดท้ายก็มาเสียท่าเสียจุดโทษในนาทีที่ 40 ในจังหวะที่ลิเวอร์พูล บอมบ์เข้าเขตโทษและเป็นแอกเกอร์ ที่ซัดไปติดแขนของไมกาห์ ริชาร์ดส และสตีเว่น เจอร์ราร์ด ยอดกัปตันซัดเสียบมุมตีเสมอใอห้ ลิเวอร์พูล ไล่มาเป็น 1-1 และผลสกอร์รวมกลับมานำ 2-1
ในท้ายครึ่งแรกทิศทางของเกมยังเป็นทางด้านเจ้าบ้านที่พยายามบุกกดดันแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าเดิม สุดท้ายจบครึ่งแรกใน 45 นาทีด้วยการเสมอกัน 1-1
ครึ่งหลัง
ทีมเยือนเริ่มหาโอกาสได้บ้างจากจังหวะเซ็ตบอลขึ้นมาและเป็น โคลารอฟ ที่ได้ลองซัดในเขตโทษด้วยซ้ายแต่ก็ข้ามคานไปเยอะ แต่แมนฯ ซิตี้ ก็รอดตัวอีก 2 จังหวะติดๆกัน โดย สเคอร์เทล ได้ดีดบอลในเขตโทษแต่ ฮาร์ท ซูเปอร์เซฟปัดบอลออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะเซฟลูกวอลเล่ย์เหน่งๆของดาวนิ่งอีกครั้งได้ด้วยขา
หลังจากนั้นแมนฯ ซิตี้ พยายามดึงเกมกลับมา ขณะที่ ลิเวอร์พูล เริ่มมีอาการป้อแป้เหมือนกันหลังพยายามเล่นเพรสซิ่งสูง ไล่บี้ตลอดตั้งแต่ต้นเกมทำให้เกมเนือยลงไปเล็กน้อย
แต่มาถึงนาทีที่ 67 แมนฯ ซิตี้ กลับมาขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะการขึ้นเกมทางซ้าย โคลารอฟ ครอสบอลอย่างแม่นผ่านปากประตูมาถึง เชโก้ โผล่มาเข้าฮอสซัดเป็นประตูนำ 2-1 และทำให้สกอร์รวมกลับมาเสมอกัน 2-2
ทว่า ลิเวอร์พูล ก็เร่งเครื่องและกลับมาตามตีเสมออีกครั้งในนาทีที่ 73 จากจังหวะการขึ้นเกมของ เคาท์ ที่พาบอลมาก่อนไหลให้ เบลลามี่ ทำชิ่งหนึ่งสองกับ เกล็น จอห์นสัน ก่อนหลุดไปยิงด้วยซ้ายเข้าไป ทำให้ทีมตีเสมอได้สำเร็จ 2-2 ในเกมปกติ และขึ้นนำ 3-2 ในผลสกอร์รวม 2 นัด
ช่วงเวลาที่เหลือแมนฯ ซิตี้ พยายามที่จะตามกลับมายิงแซงในเกมให้ได้อีกครั้งเพื่อขอลุ้นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ทางด้าน ลิเวอร์พูล ก็ยันเอาไว้ได้จนหมดเวลา จบเกมเสมอกัน 2-2 ผลรวมลิเวอร์พูล ชนะ 3-2 ได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศคาร์ลิ่ง คัพ ตามคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ไปสำเร็จ
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 6.0, เกล็น จอห์นสัน 7.0, ดาเนียล แอกเกอร์ 7.5, มาร์ติน สเคอร์เทล 7.5, โฆเซ่ เอนริเก้




สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : โดนี่, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เซบาสเตียน โคอาเตส, มักซี่ โรดริเกซ, จอนโจ้ เชลวี่ย์,
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท 8.5, โจลีออน เลสคอตต์ 6.0, ไมกาห์ ริชาร์ด 6.0, ปาโบล ซาบาเลต้า 6.0, สเตฟาน ซาวิช 3.5 (อเกวโร่ น.45 6.0), อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ



สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : คอสเทล พานทิลิมอน, กาเอล กลิชี่, คาริม เรกิก, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, เจมส์ มิลเนอร์
Liverpool v Manchester City by neyukel