
เดวิด โกลด์ เจ้าของสโมสร เวสต์แฮม ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทีมเล็กๆ เพื่อไม่ให้ทีมใหญ่ใช้เงินในการกว้านซื้อนักเตะได้ตามใจชอบ จนทำให้ความห่างชั้นกันระหว่างทั้ง 20 ทีม ในพรีเมียร์ลีกมากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นที่ลอนดอน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
สำหรับกฎที่มีการตกลงร่วมกันนั้น จะมีกฎหลักๆ อยู่ 2 ข้อ โดยอันแรกคือการจำกัดค่าเหนื่อยของบรรดานักเตะ ที่จะเริ่มตั้งแต่ฤดูกาลหน้า ซึ่งกฎกำหนดว่า หากทีมใดมีค่าเหนื่อยโดยรวมเกิน 52 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,600 ล้านบาท) แล้วนั้น พวกเขาก็จะสามารถเพิ่มค่าเหนื่อยโดยรวมได้เพียง 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 200 ล้านบาท) ต่อฤดูกาลเท่านั้น ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้
"เราได้ทุกเสียงโหวตและมันเป็นการสนับสนุนที่ล้นหลามมาก ไม่ใช่ทุกทีมหรอกนะ บางทีมอาจจะมีกังวลเล็กน้อยแต่สโมสรส่วนใหญ่โหวตให้มันเกิดขึ้น" บิ๊กบอสทีม ขุนค้อน กล่าวเปิดใจ
นอกจากนี้แล้วสโมสรยังได้ถูกควบคุมเรื่องการเพิ่มบัญชีค่าเหนื่อยด้วยว่าพวกเขาจะรับการปรับเพิ่มค่าเหนื่อยขึ้นได้มากขนาดไหน
"มันไม่ใช่เพดานค่าเหนื่อย มันเป็นการหน่วงไม่ให้ใช้จ่ายมากเกินไป มันไม่ใช่การจำกัดแต่เป็นการควบคุม"
"ถ้าสโมสรนั้นมีรายได้เพิ่มขึ้นพวกเขาก็จะได้ใช้จ่ายกันมากขึ้น เรามีการควบคุม นั่นล่ะคือสิ่งสำคัญ"
"สิ่งที่ทำให้ทุกสิ่งขับเคลื่อนไปได้คือการที่เราอยากเลี่ยงไม่ให้เกิดแบบ พอร์ทสมัธ ขึ้นอีกทีม"
เหตุผลที่ทุกสโมสรในอังกฤษรวมตัวกันและร่างกฏนี้ขึ้นมา น่าจะมาจากการเข้ามาลงทุนในสโมสรต่างๆ ในลีกแดนผู้ดีอย่าง โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรเชลซี และชีค มันซูร์ เจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิติ้ ที่ใช้เม็ดเงินมหาศาลในการกว้านซื้อตัวซูเปอร์สตาร์มาร่วมทีมจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้
โดยมี 14 สโมสร จาก 20 สโมสร ที่ลงเสียงโหวตเห็นด้วยกับนโยบายการปฏิรูปเรื่องการใช้เงิน และก็มี 4 ทีมที่แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจนก็คือ แอสตัน วิลล่า, ฟูแล่ม, แมนเชสเตอร์ ซิติ้ และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
ขณะเดียวกัน ริชาร์ด สคูดามอร์ ประธานบริหารของพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า กฎดังกล่าวถูกตั้งขึ้นเพื่อปรับปรุงความมั่นคงทางการเงินของสโมสรต่างๆ พร้อมเผยว่า พวกเขาให้กำเนิดกฎนี้ก็เพื่อไม่ให้นักลงทุนคนไหนทุ่มเงินให้กับทีมมากเกินเหตุ จนอาจส่งผลเสียต่ออนาคตของทีมนั้นๆ
"เจ้าของคนใหม่ หรือแม้แต่เจ้าของที่ครอบครองทีมอยู่แล้ว แต่มีทัศนคติ หรือกำลังทรัพย์ที่ต่างไปจากเดิมนั้น สามารถลงทุนตามสัดส่วนด้วยเงินก้อนที่เหมาะสม เพื่อปรับปรุงสโมสรของพวกเขาได้ แต่สิ่งที่พวกเขาจะทำไม่ได้ก็คือการทุ่มเงินก้อนโตในช่วงเวลาสั้นๆ" สคูดามอร์ ระบุ