ภาพประกอบจาก AFP
มูรินโญ่ เป็นผู้ดึง ร็อดเจอร์ส ให้เข้ามาทำงานคุมทีมสำรองและทีมเยาวชนของ เชลซี สมัยที่เจ้าตัวนั่งเก้าอี้นายใหญ่ของสโมสร "สิงโตน้ำเงินคราม" ซึ่งนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นงานคุมทีมฟุตบอลของ กุนซือ "หงส์แดง"
ร็อดเจอร์ส กล่าวว่า "ตอนที่ผมทำงานกับ โชเซ่ ผมได้รับประสบการณ์ดีๆ มากมาย เขาให้ความเชื่อใจผม ให้โอกาสผมซึ่งเป็นโค้ชที่ไร้ประสบการณ์ได้ทำงานร่วมกับยอดโค้ชอย่างเขา ผมสร้างแรงกระตุ้นให้ผม และทำให้ผมมีความเชื่อว่าผมจะก้าวไปเป็นผู้จัดการทีมได้ แต่ตราบใดที่คุณยังไม่ลองทำ คุณก็จะไม่รู้ว่างานจริงๆ มันแตกต่างกันอย่างไร"
"หนึ่งในจุดแข็งของผมก็คือ ผมสามารถเรียนรู้และชอบที่จะเรียนรู้จากทุกๆ คนที่ผมได้เจอในแต่ละวัน ผมพยายามที่จะสร้างแนวทางของตัวเองในการทำทีมให้ประสบความสำเร็จ"
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงโอกาสที่จะนำ ลิเวอร์พูล กลับไปสู้เพื่อคว้าโควต้าไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า ร็อดเจอร์ส ออกตัวว่าเป็นงานหนักสุดๆ เพราะ "หงส์แดง" ไม่มีทุนรอนจะไปแข่งขันกับคู่แข่งได้
"มันเป็นคำถามที่ยากจริงๆ คุณดู สเปอร์ส สิ ปีที่แล้วเขาได้อันดับ 4 แต่ก็ยังลงทุนมากมายซื้อผู้เล่นเข้ามาเพื่อจะรักษาตำแหน่งท็อป 4 ให้ได้ ส่วน เชลซี ที่เป็นแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีที่แล้วพวกเขาจบอันดับ 6 ฉะนั้นนี่ถือเป็นสิ่งที่ยากสำหรับเราแต่มันก็เป็นเป้าหมายที่เราหวังไว้ เราอยากจะทำให้ได้ เราต้องก้าวต่อไปและเราต้องพยามคว้าแชมป์ให้ได้"
"เรารู้ดีว่าที่สุดแล้ว คุณจำเป็นต้องใช้เงิน แต่เราไม่มีแหล่งทุนเหมือนสโมสรอื่นๆ เขา ฉะนั้นเราจำเป็นต้องสร้างแบบฉบับของตัวเองขึ้นมา"
ร็อดเจอร์ส ย้ำด้วยว่า การสร้างผู้เล่นเยาวชนของตัวเองขึ้นมา จะเป็นแนวทางแห่งความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล โดยระบุว่า "นักเตะเยาวชนคือหัวใจสำคัญของเราที่จะก้าวไปข้างหน้าในฐานะสโมสร และผมใส่ใจกับผู้เล่นเยาวชนเสมอ แต่คุณก็ต้องมองถึงความสมดุลด้วย เรื่องนี้สำคัญมาก"
"ปีนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้เล่นกับทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ ในขณะที่เขาอายุแค่ 17 ความจริงปีหน้าเขายังเล่นให้ทีมเยาวชนของเราได้ด้วยซ้ำคิดดูสิว่าเขายังเด็กขนาดไหน แต่การก้าวจากผู้เล่นเยาวชนไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ถือว่าเป็นผลงานของเขา เขาเองก็รู้ดีว่ายังต้องทำงานหนักอีกเยอะ"
"อังเดร วิสดอม ได้เล่นหลายเกมในซีซั่นนี้ ส่วน จอนโจ้ เชลวี่ย์ ก็ยังอายุน้อยมาก เด็กอย่าง ซูโซ่ ก็ได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่เหมือนกัน" ร็อดเจอร์ส กล่าวทิ้งท้าย
