
ซิตี้ ได้ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่าพวกเขาจะเปลี่ยนจากชุดแข่งขันของ "อัมโบร" มาสวมใส่แบรนด์ "ไนกี้" โดยได้เซ็นสัญญารับเงินค่าสปอนเซอร์ปีละ 12 ล้านปอนด์ต่อปี (ประมาณ 600 ล้านบาท) เป็นเวลายาวนาน 6 ปี ซึ่งมูลค่าทั้งหมดรวมอยู่ที่ 72 ล้านปอนด์ หรือ (ประมาณ 3,600 ล้านบาท)
"ชุดแข่งขันเป็นการแสดงความเคารพต่อประวัติศาสตร์ของ ซิตี้ พร้อมกับสะท้อนให้เห็นถึงอนาคต" แถลงการณ์สโมสรเผย
"ชุดแข่งขันเป็นแบบดีไซน์ดั้งเดิม โดยมีความชัดเจนของ ซิตี้ จากสีฟ้าพร้อมกับมีขลิบสีขาวบริเวณคอและแขนเสื้อ ซึ่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยใส่ลงแข่งครั้งแรกเมื่อปี 1892"
"น้ำหนักรวมทั้งหมดเพียง 150 กรัมและทำมาจากใยสังเคราะห์รีไซเคิ่ล นี่เป็นเสื้อแข่งขันที่เบาที่สุดตั้งแต่ไนกี้เคยผลิตมา"
นอกจากนี้ ยอดทีมจากเอติฮัด สเตเดี้ยม เปิดเผยชุดแข่งของไนกี้ เป็นครั้งแรกในมหานครนิวยอร์ก ซึ่งทีมกำลังปักหลักเดินสายทัวร์ในช่วงปิดฤดูกาล โดยทอม กลิ๊ค ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของทีม กล่าวว่า "พวกเรายินดีที่ได้ร่วมมือกับไนกี้ จากการมีพวกเขามาเป็นหนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนชุดแข่งนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าซิตี้ กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในระดับโลก"
"เรากำลังรอคอยการทำงานเคียงข้างกับไนกี้ เพื่อเสริมสร้างและขยายฐานแฟนบอลของเราไปทั่วโลก"
"เครือข่ายที่กระจายไปอย่างกว้างขวางของไนกี้นั้น จะทำให้แน่ใจว่าสโมสรได้นำเสนอการตลาดผ่านไปทั่วทวีปแอฟริกา, ยุโรป, เอเชีย และอเมริกา ซึ่งแฟนบอลของเราทั่วทุกหนแห่งจะสามารถค้นพบและสวมใส่เสื้อของซิตี้ได้"
ทั้งนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังได้จับมือกับสโมสร นิวยอร์ก แยงกี้ส์ ทีมเบสบอลชื่อดังของสหรัฐฯ เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์เตรียมสร้างทีมฟุตบอลขึ้นมาใหม่ ในนามว่า นิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี และคาดว่าจะส่งลงแข่งในเมเจอร์ลีกซีซั่น 2015 นี้ด้วย