
ภาพประกอบจาก AFP
ร็อบเบน เป็นผู้ซัดหลุดเข้าไปซัดประตูในช่วงนาที่สุดท้ายก่อนหมดเวลา 90 นาที ให้ บาเยิร์น มิวนิค เบียดเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คู่ปรับร่วมลีก 2-1 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่ เวมบลีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ปีกจอมเลี้อยทีมชาติฮอลแลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ร่วมทีม บาเยิร์น เป็นฝ่ายผิดหวังในรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 2010 ที่แพ้ อินเตอร์ มิลาน และ ปีที่แล้วที่แพ้ต่อ เชลซี กล่าวว่า "ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนชีวิตผม ผมเคยบอกแล้วว่าถ้าได้แชมป์ถ้วยนี้ มันก็เท่ากับการเล่นในระดับสโมสรของผมสมบูรณ์แบบ มันเป็นความสำเร็จสูงสุดที่คุณจะสามารถทำได้แล้ว"
"ผมเคยได้แชมป์ลีกใน 4 ประเทศ แล้วก็แชมป์บอลถ้วยหลายรายการ แต่ที่สุดแล้วมันต้องเป็นถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้ผมถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์แล้ว"
"มันเหลือเชื่อมาก ถ้าคุณเคยแพ้ในเกมนัดชิงมาก่อน แล้วกลับมาเป็นผู้ชนะได้มันยิ่งรู้สึกหอมหวาน การชนะครั้งนี้ได้ทำให้ผมลืมตอนที่พลาดลูกจุดโทษเมื่อปีก่อน แล้วนอนหลับได้สบายใจซะที นี่คือเรื่องที่ยอดเยี่ยมและงดงามที่สุดในเกมฟุตบอล ตอนที่ผมยิงได้ ภาพในอดีตตั้งแต่ผมเริ่มเล่นฟุตบอลมันผุดขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่ผมอธิบายไม่ถูกจริงๆ"
ร็อบเบน จะมีโอกาสนำ บาเยิร์น ลงเล่นกับทีมเก่า เชลซี ใน ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ฤดูกาลหน้า ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า "ผมรอให้ถึงเกมนั้นเร็วๆ ผมได้รับข้อความแสดงความยินดีจาก จอห์น เทอร์รี่ แล้วก็ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ด้วย"
ย้อนกลับไปหลังจบเกมกับ ดอร์ทมุนด์ มีภาพจับได้ว่า ร็อบเบน แอบตัดตาข่ายประตูในสนามเอากลับบ้านไปเป็นที่ระลึก โดยดาวเตะวัย 29 ปี ชี้ว่า "ผมคิดว่าทุกคนควรจะเก็บอะไรไปเป็นที่ระลึกกันบ้าง ผมเอามันไปเผื่อจะเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เล็กๆ หลังจากที่ตัวเองเลิกเล่นฟุตบอลแล้ว"
ร็อบเบน ถือว่ามีประสบการณ์ที่ดีในการเล่นที่ เวมบลีย์ เคยคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ที่สนามแห่งนี้, เคยยิงประตูทีมชาติอังกฤษได้ในเกมอุ่นเครื่อง และล่าสุดกับการยิงประตูในเกมชิงชนะเลิศถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก
"มันเป็นสนามที่พิเศษมาก น่าเสียดายที่ไม่มีทีมสโมสรเล่นที่นี่ ถ้ามี เวมบลีย์ เอฟซี นะ ผมจะย้ายมาเล่นกับพวกเขาทันทีเลย" ร็อบเบน กล่าวทิ้งท้าย