
ภาพประกอบจาก Goal.com
เมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา ณ ห้องจามจุรี 1 ชั้น M โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส เวลา 13.00 น. นายพินิจ งามพริ้ง ผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดแถลงข่าวถึงประเด็นที่ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ คนปัจุบันมีความพยายามจะเปลี่ยนกฏในการเลือกตั้ง โดยภายในงานยังมีเซอร์ไพรส์สำคัญคือการมาปรากฏตัวของ นายวิรัช ชาญพานิชย์ อีกหนึ่งผู้สมัครคนสำคัญ ที่ควงคู่ นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ขึ้นแถลง นอกจากนี้ยังมี นายอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี เป็นแขกคนสำคัญอีกด้วย
"คงไม่มีการเลือกตั้งครั้งไหนที่ผู้สมัคร 2 ท่านออกมาแสดงความร่วมมือกัน" นายพินิจ กล่าวถึงการมาร่วมของของนายวิรัช
"ครั้งนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการเลือกตั้ง ผมและคุณวิรัช (ชาญพานิชย์) มีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการให้การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลครั้งนี้เกิด ขึ้นอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม"
"ผมยืนยันว่าไม่มีข้อใดเลยที่ฟีฟ่าระบุว่าให้แก้ไขระเบียบการเลือกตั้งและลดจำนวนสโมสรสมาชิก ซึ่งผมได้เขียนจดหมายสอบถามไปที่ฟีฟ่าแล้ว และรอเอกสารตอบกลับมา"
"ธรรมนูญฟีฟ่าไม่มีการระบุถึงรายละเอียดของการเลือกตั้งในแต่ละประเทศ แถมในข้อ 17.1 ของฟีฟ่า ยังระบุด้วยว่า สมาคมแต่ละประเทศ มีอำนาจในการตัดสินอย่างอิสระเป็นของตัวเองขณะนี้คนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายกับวิธีเอาตัวรอดแบบเดิมๆ เรียกได้ว่าหมดยุคของนายวรวีร์"
"ในความเป็นจริงธรรมนูญของฟีฟ่ามีการออกมาตั้งแต่ปี 2004 และเป็นเพียงแนวทางให้ประเทศสมาชิกนำไปปฏิบัติตาม แต่ตอนนั้นคุณวรวีร์ทำอะไรอยู่ถึงไม่นำมาใช้ แต่พอมาถึงเวลานี้กลับพยายามจะแก้ไข ในช่วงสุดท้ายของวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดวิสัย"
ขณะเดียวกัน "บิ๊กก๊อง" นายวิรัช ชาญพานิชย์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตุถึงการเตรียมแก้ไขข้อบังคับของ "บังยี" ถึงความมีนัยยะแฝงเพื่อผลประโยชน์ตนเองว่า "ผมไม่อยากให้ทุกคนสับสนเรื่องธรรมนูญใหม่กับการเลือกตั้ง"
"การจะแก้ธรรมนูญไม่จำเป็นหรอกว่าจะต้องเป็นคุณวรวีร์ คุณพินิจก็ทำได้ ผมเองก็ทำได้หากได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมฯ ทำไมถึงต้องรีบร้อนพยายามแก้ และที่อ้างว่าฟีฟ่าจะแบน หากจะแบนจริงเขาคงแบนไปนานแล้ว"
"เรื่องการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลของแต่ละประเทศฟีฟ่าได้ให้คำแนะนำมาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ซึ่งเป็นเพียงไกด์ไลน์ไม่บังคับแต่อย่างใด และเพราะเหตุใดผ่านมาตั้งหลายปี วรวีร์ ที่กำลังจะครบวาระในวันที่ 16 มิ.ย. ถึงเตรียมแก้ใหม่ในวันที่ 15 มิ.ย. นั่นแสดงให้เห็นว่าสมาคมฯไม่มีแผนการที่เตรียมไว้เลย ขาดซึ่งวิสัยทัศน์"
"และความจริงการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับใหม่สามารถทำหลังจากมีการเลือกตั้งตามวาระเดิมได้ ซึ่งการที่ วรวีร์ จะมาเปลี่ยนในไม่กี่วันก่อนหมดอำนาจนั้นเป็นการทำเพื่ออะไรหากไม่ใช่เพื่อความได้เปรียบของตนเองในการใช้ 72 เสียงลงคะแนน เพราะ 30 เสียงจากดิวิชัน 2 ที่ไม่มีความชัดเจนในการคัดเลือกนั้นคงจะเป็นของเขาแน่นอน"
"ซึ่งในส่วนนี้ต้องวอนให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเข้ามาจับตาอย่างใกล้ชิด หากมีสิ่งใดไม่ชอบมาพากลผมก็พร้อมที่จะเดินหน้าสู้ให้ถึงที่สุดไม่ให้เป็นอย่างครั้งที่แล้ว"